นักเรียนชายขอตำรวจช่วยคุย หลังสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่พ่อไม่ยอมให้เข้า จุดจบเกมพลิก พ่อถูกจับ รื้อคดีเมื่อ 19 ปีก่อน
วันที่ 9 กันยายน 2567 เว็บไซต์ Soha เผยว่า มีเด็กหนุ่มรายหนึ่ง ชื่อว่าเฉิน (นามสมมุติ) อาศัยในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน เขาเป็นนักเรียนที่ขยันและเรียนเก่งมาตลอด 12 ปี ตั้งแต่ชั้นประถมถึงมัธยมศึกษา กระทั่งเมื่อถึงตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาสามารถทำคะแนนได้สูงมากกว่า 700 คะแนน ซึ่งสามารถเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยเบอร์ต้น ๆ ของจีนได้ เมื่อพ่อและแม่ของเขารู้เรื่องก็ดีใจ เตรียมจัดงานเลี้ยงฉลองให้อย่างดิบดีในตอนแรก
ต่อมา เมื่อทางพ่อถามลูกชายว่าอยากเรียนวิชาเอกอะไร ทางลูกชายได้ตอบอย่างมั่นใจว่า อยากเรียนวิชาวรรณกรรม ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เพราะเขาชื่นชอบเกี่ยวกับด้านนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ และเป็นความใฝ่ฝันของเขา แต่เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น พ่อเกิดความรู้สึกไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง บอกว่าสถานะทางการเงินที่บ้านไม่ดี ให้ลูกค่อยไปเรียนสิ่งที่อยากเรียนในภายหลัง ตอนนี้เขาอยากให้ลูกชายลงทะเบียนเรียนวิชาการเงิน เพื่อที่จะได้หางานทำและมีรายได้ที่ดี
เฉินไม่เห็นด้วยพ่อจึงเกิดการโต้เถียงกัน ในที่สุดลูกชายก็ไม่สามารถเอาชนะพ่อได้ เขาจึงยอมตกลงว่าจะเรียนการเงินตามที่พ่อต้องการ แต่เมื่อถึงเวลาลงทะเบียนเรียน เขากลับเลือกวิชาที่เขาอยากเรียน โดยเชื่อว่าสุดท้ายเมื่อมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ พ่อคงจะยอมรับทางเลือกของเขา แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อพ่อรู้ว่าเขาแอบเปลี่ยนวิชาเรียนก็โกรธมาก ทั้งก่นด่าและต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง ถึงขนาดขู่ว่าจะไม่ไม่ให้ลูกชายไปเรียนต่อ
เมื่อไม่มีทางออก เฉินจึงตัดสินใจไปหาตำรวจ เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยมาพูดคุยเจรจากับพ่อ ทางเจ้าหน้าที่จึงมาที่บ้านของเฉิน และได้พูดคุยโน้มน้าวพ่อของเขา จนพ่อของเขาเริ่มมีท่าทีใจอ่อนลง และในขณะเดียวกัน ทางตำรวจก็ได้อธิบายในมุมของพ่อให้เฉินเข้าใจว่า แม้ว่าพ่อจะใช้คำพูดไม่ดี แต่เจตนาของพ่อคือหวังดี อยากให้ลูกเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
เมื่อปมความขัดแย้งระหว่างพ่อและลูกชายคลี่คลาย ก็ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะจบลงด้วยดี แต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่กลับมายังสถานีตำรวจและลงบันทึกประจำวัน ใส่ประวัติของเฉินและนายหลี่ ผู้เป็นพ่อ เข้าไปในระบบ กลับได้พบข้อมูลที่คาดไม่ถึง เมื่อใบหน้าของนายหลี่ ตรงกับผู้ต้องสงสัยที่หลบหนีคดีร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อ 19 ปีก่อน ซึ่งแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี แต่ใบหน้าของเขาดูไม่เปลี่ยนไปจากรูปถ่ายในฐานข้อมูลมากนัก
ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเข้าสอบสวนอย่างเข้มข้น จนในที่สุดนายหลี่ก็ยอมรับรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุในคดีนั้นจริง หลังจากที่หลบหนีมานานเกือบ 20 ปี เขาและภรรยาต้องปกปิดตัวตน ทั้งเปลี่ยนชื่อและย้ายที่อยู่มาหลายครั้ง เชื่อว่าตำรวจจะตามหาตัวเขาไม่พบ ไม่คาดคิดว่าจะมาถูกจับกุมจากเหตุเรื่องลูกชายอยากเข้ามหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตาม ความยุติธรรมยังมีอยู่จริง นายหลี่ได้รับโทษชดใช้ความผิดที่ก่อในอดีต ส่วนทางเฉิน เมื่อเห็นพ่อของเขาถูกตำรวจจับ ก็รู้สึกเสียใจจนน้ำตาไหล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ในใจจะมีความกังวลมากมายแค่ไหน อนาคตก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป เขาจึงได้ตัดสินใจเดินหน้าเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เดินทางไปปักกิ่งเพียงลำพังเพื่อศึกษาต่อในเส้นทางของเขา
ขอบคุณข้อมูลจาก Soha
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
เมื่อถึงวัยที่ลูกต้องเลือกเส้นทางการศึกษาของตัวเอง ผู้เป็นพ่อแม่ควรเคารพการตัดสินใจของลูก และคอยให้การสนับสนุนอย่างเต็ม อาจมีการชี้แนะบ้าง แต่ไม่ควรที่จะไปห้ามหรือบังคับ ไม่เช่นนั้นอาจจะมีปัญหาตามมาในภายหลัง หรือในกรณีที่เลวร้ายเช่นเรื่องราวนี้ เมื่อสถานการณ์กลับพลิกผันสุดขั้ว กลายเป็นอีกเรื่องที่ไม่ใครคาดฝัน วันที่ 9 กันยายน 2567 เว็บไซต์ Soha เผยว่า มีเด็กหนุ่มรายหนึ่ง ชื่อว่าเฉิน (นามสมมุติ) อาศัยในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน เขาเป็นนักเรียนที่ขยันและเรียนเก่งมาตลอด 12 ปี ตั้งแต่ชั้นประถมถึงมัธยมศึกษา กระทั่งเมื่อถึงตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาสามารถทำคะแนนได้สูงมากกว่า 700 คะแนน ซึ่งสามารถเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยเบอร์ต้น ๆ ของจีนได้ เมื่อพ่อและแม่ของเขารู้เรื่องก็ดีใจ เตรียมจัดงานเลี้ยงฉลองให้อย่างดิบดีในตอนแรก
ต่อมา เมื่อทางพ่อถามลูกชายว่าอยากเรียนวิชาเอกอะไร ทางลูกชายได้ตอบอย่างมั่นใจว่า อยากเรียนวิชาวรรณกรรม ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เพราะเขาชื่นชอบเกี่ยวกับด้านนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ และเป็นความใฝ่ฝันของเขา แต่เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น พ่อเกิดความรู้สึกไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง บอกว่าสถานะทางการเงินที่บ้านไม่ดี ให้ลูกค่อยไปเรียนสิ่งที่อยากเรียนในภายหลัง ตอนนี้เขาอยากให้ลูกชายลงทะเบียนเรียนวิชาการเงิน เพื่อที่จะได้หางานทำและมีรายได้ที่ดี
เฉินไม่เห็นด้วยพ่อจึงเกิดการโต้เถียงกัน ในที่สุดลูกชายก็ไม่สามารถเอาชนะพ่อได้ เขาจึงยอมตกลงว่าจะเรียนการเงินตามที่พ่อต้องการ แต่เมื่อถึงเวลาลงทะเบียนเรียน เขากลับเลือกวิชาที่เขาอยากเรียน โดยเชื่อว่าสุดท้ายเมื่อมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ พ่อคงจะยอมรับทางเลือกของเขา แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อพ่อรู้ว่าเขาแอบเปลี่ยนวิชาเรียนก็โกรธมาก ทั้งก่นด่าและต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง ถึงขนาดขู่ว่าจะไม่ไม่ให้ลูกชายไปเรียนต่อ
เมื่อไม่มีทางออก เฉินจึงตัดสินใจไปหาตำรวจ เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยมาพูดคุยเจรจากับพ่อ ทางเจ้าหน้าที่จึงมาที่บ้านของเฉิน และได้พูดคุยโน้มน้าวพ่อของเขา จนพ่อของเขาเริ่มมีท่าทีใจอ่อนลง และในขณะเดียวกัน ทางตำรวจก็ได้อธิบายในมุมของพ่อให้เฉินเข้าใจว่า แม้ว่าพ่อจะใช้คำพูดไม่ดี แต่เจตนาของพ่อคือหวังดี อยากให้ลูกเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
เมื่อปมความขัดแย้งระหว่างพ่อและลูกชายคลี่คลาย ก็ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะจบลงด้วยดี แต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่กลับมายังสถานีตำรวจและลงบันทึกประจำวัน ใส่ประวัติของเฉินและนายหลี่ ผู้เป็นพ่อ เข้าไปในระบบ กลับได้พบข้อมูลที่คาดไม่ถึง เมื่อใบหน้าของนายหลี่ ตรงกับผู้ต้องสงสัยที่หลบหนีคดีร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อ 19 ปีก่อน ซึ่งแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี แต่ใบหน้าของเขาดูไม่เปลี่ยนไปจากรูปถ่ายในฐานข้อมูลมากนัก
ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเข้าสอบสวนอย่างเข้มข้น จนในที่สุดนายหลี่ก็ยอมรับรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุในคดีนั้นจริง หลังจากที่หลบหนีมานานเกือบ 20 ปี เขาและภรรยาต้องปกปิดตัวตน ทั้งเปลี่ยนชื่อและย้ายที่อยู่มาหลายครั้ง เชื่อว่าตำรวจจะตามหาตัวเขาไม่พบ ไม่คาดคิดว่าจะมาถูกจับกุมจากเหตุเรื่องลูกชายอยากเข้ามหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตาม ความยุติธรรมยังมีอยู่จริง นายหลี่ได้รับโทษชดใช้ความผิดที่ก่อในอดีต ส่วนทางเฉิน เมื่อเห็นพ่อของเขาถูกตำรวจจับ ก็รู้สึกเสียใจจนน้ำตาไหล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ในใจจะมีความกังวลมากมายแค่ไหน อนาคตก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป เขาจึงได้ตัดสินใจเดินหน้าเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เดินทางไปปักกิ่งเพียงลำพังเพื่อศึกษาต่อในเส้นทางของเขา
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Soha