เส้นทางที่ต้องฝ่าฟันของ พลอย จินดาโชติ

พลอย จินดาโชติ

พลอย จินดาโชติ



          ห่างหายจากวงการบันเทิงไทยไปนาน เนื่องจากโกอินเตอร์ไปรับงานที่สิงคโปร์แทน แต่ล่าสุดได้มีโอกาสเจอหน้านางเอกสาวมากความสามารถ "พลอย จินดาโชติ" อีกครั้ง เพราะเจ้าตัวเดินทางกลับมาโปรโมตภาพยนตร์ "ปาฏิหาริย์รักต่างพันธุ์" ของ พระนครฟิลม์ ดังนั้น "ดาวต่างมุม" จึงไม่รอช้า ชวนสาวพลอยมาเปิดใจถึงเรื่องงานและความรักของเธอซะเลย

 หายหน้าหายตาไปพักใหญ่ ไปทำอะไรมา 

          พลอย : ไปสิงคโปร์มาค่ะ ก็ไปทำงานที่นั่น ที่ผ่านมาก็ไปเป็นพนักงานทำบัญชีที่บริษัทของ พี่อั๊ต-อัษฎา พานิชกุล พอดีพนักงานคนเก่าลาออกไป แล้วพี่ อั๊ตก็เห็นว่าเราพอจะมีความรู้ตรงนี้ก็เลยขอให้พลอยไปทำบัญชีให้กับเขา อยู่ที่นั่นจะแบ่งเป็น 2 ภาค ช่วงกลางวันถ้าไม่มีงานก็จะนั่งทำบัญชีอยู่ที่ออฟฟิศ แล้วกลางคืนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าออกงานอีเว้นท์กับพี่อั๊ตและเทย่า ปลายปีนี้ก็ต้องไปโปรโมตภาพยนตร์อิตาลี นอกจากนี้ก็ต้องไปแคสติ้งงานเรื่อยๆ เพราะที่นั่นมักจะมีหนังฝรั่งมาทำโปรดักชั่นในเอเชีย เราก็จะบินไปแคสติ้ง ตอนนี้ก็อยู่ในระหว่างการทำแคสติ้งและรอให้ผู้กำกับฯ ตัดสินใจอยู่

ไปทำงานกับพี่อั๊ตได้ยังไง 

          พลอย : จริงๆ รู้จักพี่อั๊ตมานาน 10 ปีแล้ว และพี่อั๊ตเพิ่งจะเริ่มเปิดบริษัทเล็กๆ อยู่ที่นั่น เขาก็อยากได้น้องๆ ที่สนิทไปเริ่มกับเขาก่อน เขาก็บอกว่าบริษัทเขาเล็กนะ แต่เขาก็พยายามจะดูแลให้ทั่วถึง ซึ่งเขาก็ทำได้ดีมาก ตอนที่พี่อั๊ตให้ไปทำ พลอยใช้เวลาตัดสินใจไม่นานเลย พอฟังคอนเซปต์จากพี่อั๊ตแล้วเราก็โอเค แล้วที่ผ่านมาในความรู้สึกพลอย คิดว่าพี่อั๊ตเป็นคนขยันและตั้งใจ แล้วก็เป็นคนทำงานมีคุณภาพ พลอยเลยคิดว่าการที่เราจะได้อยู่ใกล้คนแบบนี้มันจะเป็นผลดีต่อตัวเรา

 งานหลักๆ ที่พลอยทำที่นั่นคืออะไร 

          พลอย : หลักๆ ก็คือ ถ่ายแบบ ออกงานอีเว้นท์ แล้วก็งานหนัง พี่อั้ตให้พลอยไปทางนี้ คือ พี่อั๊ตจะดูลุคแต่ละคนก่อน แล้วก็จะถามก่อนว่าเราชอบอะไร และให้เราตัดสินใจว่าเราอยากทำอะไร อย่างตอนแรกพลอยอยากจะทำงานพิธีกรแบบพี่อั๊ตและเทย่า ก็ไปแคสงานนี้ ซึ่งตรงนั้นทำให้พลอยรู้สึกว่าเราอาจจะไม่ได้ถนัดงานพิธีกร 100% เหมือนพี่อั๊ตหรือเทย่า เราถนัดงานแสดงมากกว่า เรามีความเข้าใจมากกว่า ซึ่งพี่อั๊ตก็บอกว่าเขาก็คิดว่าเราไม่เหมาะกับงานพิธีกรตั้งแต่แรก แต่เขาอยากให้เราได้ลองด้วยตัวเอง

 ได้มีโอกาสไปทำงานหนังที่นั่นรู้สึกอย่างไรบ้าง 

          พลอย : งานหนังที่นั่นก็ดีนะ มันเป็นอะไรที่ได้มายาก มันทำให้เราเห็นคุณค่า ไปถึงก็ต้องไปเริ่มจากศูนย์ ไม่มีใครรู้จักเราเลย ต้อง แคสติ้งทุกวัน หนังเรื่องหนึ่งกว่าจะสรุปได้ต้องแคสติ้งหลายครั้งและใช้เวลาสรุปหลายเดือนมาก บวกกับค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงมาก เพราะการไปแคสแต่ละครั้ง ค่าที่พัก ค่าเครื่องบิน เราต้องจ่ายเอง ดังนั้นมันก็เหมือนเป็นการลงทุนแบบ 50:50 อาจจะได้หรืออาจจะไม่ได้ แต่มันก็เป็นอะไรที่เราชอบไง เวลาได้เห็นผลงานของเราเองพลอยก็มีความสุข เลยคิดว่าถึงมันจะต้องลงทุนก็โอเคนะ

 การทำงานที่นั่นแตกต่างจากเมืองไทยยังไงบ้าง 

          พลอย : ที่นั่นทำงานก็คือทำจริงๆ จะไม่มีความสนิทเป็นส่วนตัว อยู่เมืองไทยเวลาอยู่กองถ่าย ทุกฝ่ายยังรู้จักกันหมด แต่ที่นั่นการทำงานจะแบ่งเป็นแผนกเลย แล้วแต่ละฝ่ายจะไม่ยุ่งกัน จะคุยกันแต่ละทีก็จะคุยแต่เรื่องงาน อย่างพลอยปกติชอบออกไปเดินเล่นในกอง แต่เขาไม่ให้พลอยเดิน ให้เรานั่งอยู่แต่ในเทรลเลอร์ จะออกมาได้ก็ต่อเมื่อทีมงานเรียกให้ออกมา เขาต้องการให้เรามีสมาธิในการทำงานมากที่สุด ตอนแรกๆ ก็อึดอัดที่ต้องเจออะไรแบบนี้ แต่กฎระเบียบที่เขาทำขึ้นมาก็เพื่องานที่ดี และมันก็ดูเป็นระบบสากล ถ้าเราจะทำงานอินเตอร์ ก็ต้องเจอแบบนี้ แต่ตอนนี้เริ่มปรับตัวได้แล้ว

พลอย จินดาโชติ

พลอย จินดาโชติ



 ในสิงคโปร์พลอยเริ่มเป็นที่รู้จักบ้างหรือยัง 

          พลอย : คนจะรู้จักพลอยจากงานถ่ายแฟชั่น ก็ได้ถ่ายแฟชั่นเป็นระยะๆ ประกอบกับพี่อั๊ตดังมากที่สิงคโปร์ พอเราไปงานกับเขาก็เหมือนเป็นการโปรโมต ค่อยๆ ให้สื่อคุ้นกับเราไปเรื่อยๆ ก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป

 เท่าที่พลอยมองคร่าวๆ คิดว่าทิศทางการทำงานที่นั่นน่าจะไปได้สวยมั้ย 

          พลอย : อย่างตลาดในเมืองไทยมันก็อีกแบบหนึ่ง แต่พลอยเข้าใจว่าถ้าเราจะทำงานต่างประเทศเราต้องลงทุนและเสี่ยงในการแคสงาน เราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่ามันจะเป็นยังไง เพราะพลอยเพิ่งไปอยู่ที่นั่นได้ไม่นานเอง ช่วงนี้ยังเป็นแค่ระยะเริ่มต้น เราก็ต้องพยายามเดินหน้าไปก่อน

 การไปทำงานที่นั่นทำให้เราโตขึ้นมั้ย 

          พลอย : มันทำให้เราโตขึ้นเลย ทั้งๆ ที่พลอยไม่อยากจะโตเลย แต่พอไปอยู่ที่นั่น เราต้องรู้จักวางแผน มีความอดทนและต้องมีระเบียบในการทำงานมาก เพราะพี่อั๊ตเป็นคนมีระเบียบในการทำงานมาก แรกๆ ที่ไปทำงานกับพี่อั๊ตโดนดุทุกวัน ก็มีท้อบ้าง แต่การทำงานกับพี่อั๊ตทำให้เราแอ๊ค ทีฟมาก ที่นั่นทำให้พลอยเปลี่ยนไปเยอะ อย่างตอนกลับมาเมืองไทยใหม่ๆ ครอบครัวและคนรอบ ข้างก็บอกว่าพลอยโตขึ้น มอง อะไรกว้างและกล้าตัดสินใจมากขึ้น

 เคยมองไว้มั้ยว่าจะอยู่ที่นั่นไปถึงเมื่อไหร่ 

          พลอย : ก็ถ้าเกิดว่าเขายังจ้างพลอยอยู่พลอยก็ทำ หรือถ้าเรารู้สึกว่ามันมีอะไรที่น่าลองเป็นประสบการณ์ที่ดีกับชีวิตเราก็จะทำ ไม่ได้มองว่า 30 แล้วจะเลิก ถ้าคนจ้างรู้สึกว่าเรามีความสามารถในการทำ เราก็จะทำ

 มีคิดถึงเมืองไทยบ้างมั้ย 

          พลอย : แรกๆ ที่ไปโวยวายมากแบบว่าอยากกลับบ้าน เหมือนคนบ้าเลย พออยู่ที่นั่นเรารู้สึกว่าคนมีระเบียบ ทุกอย่างมันเป๊ะๆ แล้วพลอยก็รู้สึกว่าถ้าเราอยู่บ้านเรา พอเราเบื่อเราก็ไปทะเลหรือเที่ยวภูเขาก็ได้ และคนไทยดูมีชีวิตชีวามากกว่า แล้วอีกอย่างพลอยเป็นคนชอบทานอาหารไทยมาก ไม่ชอบอาหารฝรั่งเลย แล้วเวลาไปทานอาหารไทยอร่อยๆ ที่นั่นจะแพงมาก ซึ่งพลอยก็คิดว่าทำไมฉันต้องมาจ่ายแพงแบบนี้ด้วยนะ

 ตอนนี้กลับมาเมืองไทยมีผลงานอะไรบ้าง 

          พลอย : มีหนัง "ปาฏิหาริย์รักต่างพันธุ์" พลอยอยากดูมาก เปิดตัวอย่างภาพยนตร์ใน "ยูทูบ" ให้เพื่อนดู เพื่อนบอกเหมือนหนังฝรั่งเลยนะ นอกจากนี้ก็มีถ่ายแบบแฟชั่นคู่พี่อั๊ต แล้วก็จะมีงานโฆษณาที่จะออกมกราคมนี้ ส่วนงานละครในเมืองไทย ทีมงานขอคิวพลอยทีครั้งละ 4-5 วัน ซึ่งมันชนกับงานอื่น ถ้าเรารับงานชนกัน พลอยจะรู้สึกว่าเราทำงานได้ไม่เต็มที่ พลอยเลยไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนั้น แต่อย่างงานหนังกำหนดมันเป๊ะๆ พลอยน่าจะสามารถทำงานนี้ได้มากกว่า


พลอย จินดาโชติ



 แล้วความรักตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง 

          พลอย : ก็ดี ยังคบคนเดิมอยู่ พลอยเป็นคนง่ายๆ เรียบๆ เน้นคุณภาพ ชอบคบคนที่ทำให้เราสบายใจ ถ้าเกิดว่าให้เกียรติกัน ถึงจะทำงานอยู่ไกลกันก็ไม่มีปัญหา เพราะทุกอย่างเราเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอะไรที่เลวร้ายหรือดีที่สุด จะไม่กระทบกระเทือนอะไรกับพลอยมาก เพราะเรารู้ใจกัน กับคนนี้คบมา 4 ปีแล้ว ที่พลอยคบกับแฟนคนนี้ได้นานก็เพราะพลอยเป็นคนไม่ชอบเริ่มต้นใหม่ ถ้ามีอะไรดีอยู่แล้ว เราก็จะไม่วอกแวก

 ประทับใจอะไรในตัวเขา 

          พลอย : เขาเป็นคนมีความเข้าใจเรา ใจเย็นและเป็นคนที่ให้อภัย เวลามีปัญหาส่วนใหญ่จะเกิดจากพลอยตลอด แต่ พลอยเป็นคนที่ถ้าเราผิดเราจะขอโทษ แต่จะมีสักกี่คนที่ขอโทษ 100 ครั้งจะให้อภัยเราได้ทุกครั้ง คนส่วนใหญ่แค่พอครั้งที่ 2 ก็โบกมือบ๊ายบายเราแล้ว กับคนนี้เขาเข้าใจพลอยมากที่สุด ส่วนเรื่องระยะทางที่ห่างกัน ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเราเลย บางทีพลอยก็บินมา แต่ส่วนใหญ่พี่เขาจะบินไปหาเรา ถามว่ากลัวเขาจะนอกลู่นอกทางมั้ย พลอยว่าผู้ชายส่วนใหญ่เจ้าชู้กันทุกคนอยู่แล้ว แต่พลอยว่าถ้าเขาอยู่ในลิมิตที่เราขีดเอาไว้ก็ไม่เป็นอะไร

 มีวิธีการประคับประคองความรักยังไงเวลาอยู่ไกลกัน 

          พลอย : เวลาอยู่ไกลๆ กันพยายามอย่าทะเลาะ เราก็ต้องอดทนให้มากขึ้น พี่เขาก็บอกว่าพลอยเหมือนฟองน้ำดีที่รู้จักซึมซับว่าเวลาไหนควรทำอะไร

 ทำไมเลือกคบคนนอกวงการ 

          พลอย : ก่อนหน้านี้ก็มีคนในวงการมาจีบนะ แต่พลอยรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เวลาคบกับคนแต่ละคน พลอยจะประเมินผลว่ากับคนนั้นคนนี้เราจะไปด้วยกันได้ดีและได้ไกลมากแค่ไหน ซึ่งสุดท้ายเราก็มาเจอคนนี้ที่เข้ากับเราได้ดี
 จะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้มั้ย 

          พลอย : ก็หวังว่าจะมีเร็วๆ นี้ พลอยก็เหมือนผู้หญิงทุกคน อยากแต่งงานอยากมีลูก พี่เขาก็มีพูดเรื่องนี้บ้างนานๆ ที แต่พี่เขาก็จะพูดเสมอว่าพลอยต้องปรับสภาพตัวเองให้ดีมากกว่านี้หน่อย คนที่จะมีครอบครัวควรจะมีความรับผิดชอบและเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ค่ะ 

          ได้มีโอกาสพูดคุยกับสาวพลอยเยอะขนาดนี้ น่าจะพอทำให้แฟนๆ ในเมืองไทยหายคิดถึงเธอไปบ้างไม่มากก็น้อย ถ้ารักเธอชอบเธอก็อย่าลืมติดตามผลงานของเธอนะจ๊ะ อย่างน้อยจะได้ทำให้เธอหายเหนื่อยไปบ้างไม่มากก็น้อย


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่อง คนกลาง
ภาพ สุรเชษฏ์ วัชรวิศิษฏ์

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เส้นทางที่ต้องฝ่าฟันของ พลอย จินดาโชติ อัปเดตล่าสุด 14 ธันวาคม 2551 เวลา 15:28:52 27,268 อ่าน
TOP
x close