รักแท้ของ จุรี & สมชาย แบบอย่างคู่รักดารา



 

จุรี โอศิริ - สมชาย สามิภักดิ์

จุรี โอศิริ - สมชาย สามิภักดิ์

จุรี โอศิริ - สมชาย สามิภักดิ์



จุรี โอศิริ - สมชาย สามิภักดิ์




จากใจ ป้าจุ๊ จุรี โอศิริ - ลุงปุ๊ย สมชาย สามิภักดิ์ จาก หนังสือ THE FACES

         จุรี โอศิริ : นักแสดง นักพากย์

         - "ป้าจุ๊รักคนทั้งโลก เรารักกันดีไหม?"

         สมชาย สามิภักดิ์ : นักแสดง

         - "เกิดเป็นคน ต้องทำตัวให้มีประโยชน์ มีคุณค่า"

บทสัมภาษณ์ความรักของ ป้าจุ๊ จุรี โอศิริ - ลุงปุ๊ย สมชาย

          เคยดูหนังประเภท Screwball กันบ้างไหม  ที่พระเอกนางเอกเจอกันครั้งแรกไม่ถูกกัน พ่อแง่แม่งอนใส่กันไปมา ก่อนจะลงเอยด้วยต่างฝ่ายต่างตกหลุมรักกันโดยไม่รู้ตัว

          บางครั้งความรักก็เริ่มต้นด้วยความไม่ประทับใจ ก่อนจะลงเอยด้วยการอยู่เคียงข้างกันตลอดไป อย่างเช่นคู่ของป้าจุ๊-จุรี โอศิริ กับลุงปุ๊ย-สมชาย สามิภักดิ์ คู่รักยืนยงในวงการบันเทิงที่หลายคนรู้จักกันดี

          ย้อนกลับไปสมัยที่ป้าจุ๊ยังสาว อายุ 20 กว่า ๆ ตอนนั้นนอกจากจะเป็นนางเอกละครและภาพยนตร์แล้ว ท่านยังขึ้นชื่อว่าเป็นนักพากย์สาวมือฉกาจ ได้พากย์เสียงให้กับดาราหญิงยุคนั้นหลายท่าน ทั้งบทนางเอก นางรอง ตัวอิจฉา และมีผลงานพากย์ภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง

          ส่วนลุงปุ๊ย-สมชาย สามิภักดิ์ เป็นชื่อของพระเอกเจ้าเสน่ห์ มีผลงานโด่งดังอยู่หลายเรื่อง ทั้งแนวบู๊ ตลก แต่คนจะรู้จักกันดีจากภาพยนตร์แนวชีวิตรัก ภาพพระเอกของลุงปุ๊ยผ่านตาป้าจุ๊หลายต่อหลายครั้งในงานพากย์ แต่นั่นยังไม่ใช่จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่รู้จักหรือประทับใจกันอยู่ดี

          คืนหนึ่ง ณ โรงหนังเฉลิมไทย เมื่อสาวนักพากย์ต้องไปร่วมชมภาพยนตร์ที่พระเอกหนุ่มแสดง ทั้งคู่จึงพบกัน แต่กระนั้นต่างฝ่ายต่างไม่รู้สึกประทับใจกันและกันมากนัก

          "ไม่ประทับใจอะไรในตัวลุงจริง ๆ นะ" ป้าจุ๊เล่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เราพากย์หนังที่เขาเล่นอยู่บ่อย ๆ รู้สึกพระเอกคนนี้แหยแฝ่น ไม่ถูกสเปก แต่มีคนแนะนำให้รู้จักก็เลยได้คุยกัน" ลุงปุ๊ยเองก็บอกว่า "เจอครั้งแรกรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ชอบ ไม่ได้ประทับใจอะไร รู้จักกันธรรมดา เหมือนเป็นเพื่อน"

          เพราะอยู่ในวงการเดียวกัน ทำให้ทั้งคู่พบปะกันบ่อยครั้ง ได้พูดคุย ช่วยเหลือ เห็นอกเห็นใจกัน ความเป็นเพื่อน ความสัมพันธ์จึงเกิดตามมา ลุงปุ๊ยเล่าด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนว่า "ป้าจุ๊เป็นคนลำบากตั้งแต่ต้น เวลาเขาคุยเรื่องความทุกข์มาก็สงสาร"

          "ตอนนั้นลุงเขายังหนุ่ม ๆ ไม่เคยมีเมียเลย แล้วมาเจอหญิงทรงเสน่ห์อย่างป้า ตอนนั้นป้าเป็นแม่ม่าย ลุงเขาเลยดูแลช่วยเหลือป้าทุกเรื่อง ช่วงนั้นป้ากำลังหาบ้าน ลุงก็พาที่นี่" บ้านที่ป้าจุ๊พูดถึงคือบ้านที่ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกันตราบจนวันนี้ และเป็นที่เดียวกับที่เรานั่งพูดคุยกันอยู่

          ขณะรอป้าจุ๊แต่งตัวเพื่อถ่ายภาพ ลุงปุ๊ยแอบพูดถึงป้าจุ๊ให้ฟังด้วยแววตาเปี่ยมชีวาว่า "ป้า จุ๊เป็นคนตลก เวลาเราเครียด ๆ ได้เขามาคุยด้วยก็หาย เมื่อก่อนตอนหนุ่ม ๆ ช่วงที่ไม่มีงาน เราจะออกไปทานไอศกรีม เล่นบิลเลียด เดินเที่ยว ไปดูหนังที่เฉลิมไทยด้วยกัน อยู่กับเขาแล้วสนุก เขาทำให้เรามีความสุข"

          สายตาลุงปุ๊ยทอดยาวไปยังป้าจุ๊ที่กำลังโพสท่าให้ช่างภาพ รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นที่มุมปาก

          พอดีถึงคิวที่ลุงปุ๊ยต้องสลับไปเป็นนายแบบบ้าง เลยเป็นโอกาสที่ป้าจุ๊พูดถึงลุงปุ๊ย "อยู่ด้วยกันมา ความดีของลุงมหาศาล ไม่เคยเห็นใครดีกับเรา กับลูกเราเท่าเขาอีกแล้ว เขาดูแลเอาใจใส่ทุกอย่าง ไม่ว่าเราจะทำฤทธิ์เดช จะไปเที่ยว จะทำตัวอย่างไรเขาไม่เคยว่า ตามใจทุกอย่าง นี่คือสิ่งที่ประเสริฐที่สุดของเขา เป็นสิ่งวิเศษที่หาไม่ได้จากใครอีกแล้ว"

          ลมโชยอ่อนกับแสงแดดรำไรส่องลอดเงาไม้มากระทบเป็นเงาดำบนผิวดิน ภาพของสองคนประคองกอดกันเบื้องหน้า ทำให้บรรยากาศรอบข้างอบอุ่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

          แม้ว่าความรักของทั้งคู่จะล่วงเลยผ่านมาเกือบ 40 ปี แต่ลุงปุ๊ยยังกระเซ้าเย้าแหย่ป้าจุ๊ราวกับวันเวลาไม่สามารถพรากความรักไปจากพวกเขาได้ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดคู่รักในวงการหลายคู่ถึงมีคู่ของป้าจุ๊-ลุงปุ๊ยเป็นแบบอย่าง เมื่อบอกป้าจุ๊เรื่องนี้ ป้าจุ๊รีบบอกทันทีว่า

          "ต้องยกความดีให้ลุง เพราะลุงสม่ำเสมอกับป้าตลอด ไม่ได้รังเกียจ ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" "ที่อยู่ด้วยกันได้นานนั้นอยู่ที่ใจ" ลุงปุ๊ยเสริม "คนเราจิตใจไม่เหมือนกัน ลุงเป็นคนมีความอดทนสูง เวลาป้าจะบ่นจะว่าอะไรมา ลุงก็อดทน" พอเอ่ยปากถามเคล็ดลับการครองชีวิตคู่ ป้าจุ๊ยิ้มให้ก่อนบอกว่า "ไม่มีกลเม็ด วิธีจริง ๆ ต้องพูดว่าอย่าใช้วิธี ให้เป็นไปตามธรรมชาติ เป็นตัวเราแล้วปรับเข้าหาเขา เพื่อให้เขาปรับเข้าหาเรา ที่สำคัญต้องจริงใจกับเขาและรักเขา"

          หนังประเภท Screwball จบลงอย่าง Happy Ending เสมอ ภาพของลุงปุ๊ยที่ส่งสายตาอบอุ่นและเปี่ยมด้วยรักถึงป้าจุ๊ เป็นบทสรุปของเรื่องราวนี้ได้เป็นอย่างดี

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- นิตยสาร Face เจ้าของภาพและคอลัมน์
- คุณแต้ว บอกอ MODEL 
- pantip.com 

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก นิตยสาร Volume, Magazinee.com




เศร้า! พระราชทานน้ำศพ ลุงปุ๊ย
















          นายสมชาย สามิภักดิ์ อดีตพระเอกภาพยนตร์ไทยชื่อดัง หรือ ที่รู้จักกันดีในนาม ลุงปุ๊ย คู่ชีวิตของศิลปินแห่งชาติ คุณจุรี โอศิริ ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ ด้วยวัย 82 ปี เมื่อคืนวันที่ 5 มกราคม 2552 เวลา 23.43 น. ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสโลหิต ที่ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โดยมีคู่ชีวิต คุณยายจุ๊ จุรี โอศิริ และ ลูกชาย นพพล โกมารชุน ลูกสะใภ้ ปรียานุช ปานประดับ เคียงข้างจนลมหายใจสุดท้าย งานสวดอภิธรรมศพ จะจัดขึ้นที่วัดมกุฎกษัตริยารามวรวิหาร ศาลาอเนกวณิชย์ เป็นเวลา 7 วัน

 โดยลูกชาย นพพล โกมารชุน และ ลูกสะใภ้ ปรียานุช ปานประดับ เผยถึงอาการของลุงปุ๊ยว่า

          ตู่ นพพล : ก็อายุ 82 แล้วนะครับ ปีนี้จริงๆ ถ้าอยู่จะครบ 83 เพราะฉะนั้นร่างกายตามอายุขัยก็เริ่มที่จะเสื่อมโทรมลงไปบ้าง อันนั้น เป็นจุดเริ่มแรก ไขกระดูกสันหลังไม่ผลิตเลือด มีการให้เลือดตลอดเวลา ป๋าก็รักษาตัวเองมาปีหนึ่งแล้ว ให้เลือดไปเรื่อยๆ ที่นี้การให้เลือดก็ลำบากตรงที่ว่า ถ้าให้มากเกินไปก็จะมีการต่อต้านจากร่างกายนะครับ ไตก็เริ่มไม่ทำงานตับก็เริ่มไม่ดี ปอดก็เริ่มหยุดๆ ไป เพราะฉะนั้นก็เลยทำให้สุดท้ายคือ มีเชื้อในกระแสเลือดนะครับ จนกระทั่งเมื่อคืนนี้ ( 5 มกราคม ) เมื่อเวลา 5 ทุ่ม 43 นาที ก็เสียชีวิต

 ทางครอบครัวโดยเฉพาะ ป้าจุ๊ ผูกพันรักกันมา 50 กว่าปี ทำใจได้มากน้อยแค่ไหนยังไงค่ะ

          ตู่ นพพล : ก็น่าจะลำบากนะครับ หลังจาก 52 ปีเนี่ย ก็ทำให้ความรู้สึกเหมือนขาดส่วนหนึ่งของชีวิตมากกว่านะครับ อาจต้องใช้เวลานะครับ

 อาการเริ่มทรุดยังไงค่ะ 

          ตู่ นพพล : เข้าโรงพยาบาลตอนวันที่ 27 ธันวาคม เข้า ICU ก็ 2 มกราคม ครับ จะมาเริ่มหนักก็เมื่อวาน ตรงนี้หมอจะคอยบอกรายละเอียดตลอดเวลา เราก็รักษาไปตามอาการของโรคครับ

ความรู้สึกตอนนี้เป็นยังไงบ้างค่ะ 

          ตู่ นพพล : รู้สึกว่าตรงนี้เมื่อป๋าถึงอายุขนาดนี้แล้วให้ป๋าพักดีกว่านะครับ ให้ป๋าเขาได้หลับแล้วก็หลับสบายไปอย่างนั้นมากกว่าชั่วโมงสุดท้าย เราก็ได้อยู่ด้วยกันทั้งหมด แล้วป๋าก็เริ่มไปอย่างสงบ ช้าๆ เรื่อยๆ จนกระทั่งหมดลมหายใจสุดท้าย

 อยากให้เป็นตัวแทนคนรุ่นหลัง ที่คุณลุง คุณป้า เป็นเสมือนตัวแทนแห่งความรักที่ยั่งยืน 

          ตู่ นพพล : ครับ ก็หวังว่าอาจจะได้ อะไรได้เห็นบ้าง คนที่รู้จักป๋าก็จะบอกว่า ป๋าเป็นผู้ชายที่น่ารักที่สุดในโลก รักกับแม่มานาน ทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันมานาน ก็จะบอกให้นักแสดงรุ่นหลังทราบว่า การที่อยู่ในวงการนี้เนี่ย สามารถที่จะครองรักด้วยกันได้อย่างสงบ อย่างมีความสุข แล้วก็อย่างมีความรัก แล้วก็อยู่ด้วยกันฉันท์เพื่อนมาตลอดทุกวันนี้

 ซ้อล่ะค่ะ ความรู้สึกและได้พูดคุยกับลุงปุ๊ยเป็นครั้งสุดท้ายไหมค่ะ

          ปรียานุช : ก็เสียใจค่ะ ก็คำสุดท้ายที่ได้ยินจากป๋าก็คือวันปีใหม่ที่ผ่านมา เวลาเคาท์ดาวน์ทุกปี เราจะโทรหากัน แล้วเราก็สวัสดีปีใหม่กันทุกปี แต่ว่าตอนนั้นป๋าอยู่ในโรงพยาบาล แต่ก็ยังได้ยินเสียงป๋าอยู่ ป๋าก็บอก จ้าๆ เที่ยวให้สนุกนะ สวัสดีปีใหม่ คือเราจะทำอย่างนี้กันทุกปีไม่ว่า เราจะอยู่ที่ไหน จริงๆ ก็อยากให้ป๋า อยู่ซัก 98 ในใจจริงก็อยากให้อยู่ไปอีก 10 ปี

 ในฐานะนักแสดง อาตู่ได้นำแบบอย่างของคุณพ่อมาใช้ในชีวิตของเรา จนประสบความสำเร็จมั่งไหมค่ะ 

          ตู่ นพพล : ป๋าเป็นนักแสดงที่ไม่ค่อยเก่ง แต่ป๋าเป็นนักแสดงที่มีงานมากที่สุดของนักแสดงในยุคนั้น เพราะว่าป๋ามีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้สร้างผู้จัด ต่างก็รักป๋ากันทั้งนั้น อันนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งจะย้ำเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ในการไปทำงานกับคนอื่น เราจะต้องเป็นนักแสดงที่ดี เป็นนักแสดงที่คนอื่นเขารัก แล้วเขาก็อยากที่จะให้งานเราต่อ

 หลายคนมองเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการบันเทิง

          ตู่ นพพล : ครับ ก็อย่างที่บอก ป๋าเป็นที่รักของทุกๆ คน ก็เลยทำให้ในวันนี้อย่างที่เห็นมีนักแสดงรุ่นเก่าๆ มาอาลัยป๋ากันเยอะครับ






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รักแท้ของ จุรี & สมชาย แบบอย่างคู่รักดารา อัปเดตล่าสุด 26 มกราคม 2555 เวลา 11:54:05 91,570 อ่าน
TOP
x close