รัน เซ็กซี่เพราะอยากเปลี่ยน

รัน ณัทธมนกาญจน์



          เข้าวงการมาด้วยภาพลักษณ์เรียบร้อยเป็นสาวใส แต่เมื่อไม่นานมานี้หลายคนก็ต้องฮือฮากับลุคที่เปลี่ยนไปของ รัน-ณัทธมนกาญจน์ ศรีนิกรโชติ กับการลุกขึ้นมาสลัดผ้าถ่ายปฏิทินลีโอ ซึ่งการลุกขึ้นมาเซ็กซี่ในครั้งนี้ ก็ส่งผลให้สาวรันกลายเป็นสาวฮอตขึ้นมาทันที งานการหลั่งไหลเข้ามาไม่ได้ขาด แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย วันนี้สาวรัน มานั่งให้ "ดาวต่างมุม" ล้วงลึกในมุมมองความคิดของเธอกัน

  ทำไมถึงกล้าที่จะเซ็กซี่?

          รัน : รันคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่รันจะมีคาแรกเตอร์อะไรที่เปลี่ยนไปจากเดิม อย่างการเป็นนักแสดง ถ้าเป็นนางเอกเรียบร้อย มันก็จะเรียบร้อย แต่รันเล่นหนังมันต้องได้กับหลายๆ คาแรกเตอร์ พอมีงานแปลกๆ เข้ามา ผู้กำกับก็จะมองภาพรันไม่ออกว่า ถ้าเป็นเซ็กซี่รันจะเล่นได้ไหม ภาพที่เขาเห็นรันคือภาพผู้หญิงที่ออกดราม่า หรือออกผีๆ หน่อย ฉะนั้นก็จะมีแต่หนังผีติดต่อเข้ามาตลอดเวลา รันก็เลยอยากเปลี่ยนคาแรกเตอร์บ้าง อยากให้มันพลิกบทไปบ้าง

  ที่ผ่านมาแสดงว่าคาแรกเตอร์มีปัญหาต่อการรับงาน ?

          รัน : มันก็มีส่วนนะ งานที่ติดต่อเข้ามาจะคล้ายๆ เดิม มันจะไม่ค่อยฉีก เหมือนกับเป็นภาพที่ติดมากับเราอยู่แล้ว ซึ่งก็เลยคิด เอ๊ะ มันถึงเวลาหรือยัง เพราะรันก็อายุ 24 แล้ว เรียนจบแล้ว ความจริงการถ่ายหนังสือเซ็กซี่ มันมีติดต่อมาตั้งแต่ตอนยังเรียนอยู่เลย แต่ว่าช่วงนั้นยังไม่พร้อมเอาไว้เรียนจบก่อนดีกว่า คือที่รันมองไว้ว่า ถ้าจะถ่ายก็อยากถ่ายกับทีมงานที่เก่งๆ เขาจะได้ช่วยเราได้ เพราะเราเป็นมือใหม่ในด้านนี้ อย่างพี่ลูกเกด (เมทินี กิ่งโพยม) ที่ได้คุยกับเขาครั้งแรก เขาเป็นคนเลือกรันนะ และหนูเองก็ไม่ได้คิดนานเลย อยากฉีกมุมในการรับงานบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าต่อไปจะรับแต่งานเซ็กซี่อย่างเดียว

  ไม่กลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ?

          รัน : ก็กลัวนะ หนูกังวลอยู่แล้วว่าออกมาแล้วหลายๆ คนจะรับได้ไหม สำหรับตัวรันแล้ว รันถามพ่อกับแม่ก่อน พ่อกับแม่ก็บอกว่า ถ้าเป็นงานแล้วเป็นอาชีพที่สุจริตก็ทำได้ เขาก็ให้กำลังใจ เขามองว่ามันคืองาน และทุกครั้งที่รันไปทำงาน พ่อกับแม่ไปด้วยตลอด อย่างตอนไปถ่ายงานนี้แม่ก็เข้าไปนั่งดูข้างในด้วย ส่วนพ่อให้กำลังใจอยู่ข้างนอก เพราะข้างในมีแต่ผู้หญิง เขาจะเห็นว่าทีมงานเป็นยังไง ไปถ่าย 4 วัน รันรู้สึกว่ามันเป็นงานที่มีคุณภาพมาก พี่เขาตั้งใจทำให้มันออกมาดี

รัน ณัทธมนกาญจน์



  จะถ่ายเซ็กซี่ทำไมไม่เริ่มจากเซ็กซี่เล็กๆ เพราะการถ่ายปฏิทินมันดู แรง ?

          รัน : ไม่รู้สิ หนูก็มองภาพว่ามันดูแรงนะ แต่ว่าที่หนูสนใจเป็นเพราะพี่ลูกเกดด้วยมั้ง ตอนแรกก่อนที่จะเข้าไปถ่ายก็กังวลมากว่าจะยังไง ก็ได้คุยกับตั๊ก (บงกช คงมาลัย) ด้วย เพราะตั๊กถ่ายเมื่อปีที่แล้ว ตั๊กก็จะบอกว่าทีมงานเขาน่ารักมาก เขาเซฟ ถ้าจะถ่ายทั้งทีก็อยากจะถ่ายกับพี่ที่เขาช่วยเราได้ เพราะหนูไม่เก่งเลยกับการโพสท่า

  เลยไม่มายด์แม้ว่าจะต้องถอดเสื้อถ่าย ?

          รัน : ก็ไม่ใช่ว่าไม่มายด์นะ ทั้งมายด์ หน้าก็แดง แต่ว่าเราตัดสินใจแล้ว เราก็ต้องทำให้ได้ และทำให้ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าหนูไม่อายนะ โคตรอายเลย เราก็เพิ่งมาถอดขนาดนี้ถ่าย แต่ว่าตอนถ่าย เซฟตี้มากนะ แทบจะไม่มีผู้ชายอยู่ในนั้นเลยนะ เขาเซฟให้รันหมดทุกอย่าง แต่ว่ามันคืองาน ถ้าหนูกังวลหนูก็จะถ่ายไม่ได้

  กลัวคนจะมองว่าอยากดังไหม ?

          รัน : ก็กังวลนะ แต่ที่หนูกังวลมากที่สุดคงเป็นพ่อกับแม่มากกว่า ถ้าพ่อแม่และครอบครัวเข้าใจว่าที่รันตัดสินใจทำงานเพราะอยากได้งานที่ต่างออกไป ก็เลยคิดว่าถ้าผ่านจุดนี้ไปได้ก็พอแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่ากระแสที่ออกมาก็มีทั้งดีและไม่ดีด้วย อย่างงานบางงานที่รับไว้ก็ต้องหยุดไป เพราะผลมาจากการถ่ายปฏิทิน ซึ่งก็เข้าใจเขาว่ามันอาจจะขัดกับบุคลิกที่รันเคยรับไว้

  ภาพลักษณ์จะดูเปลี่ยนไปไหม ?

          รัน : เขาอาจจะเขียนข่าวว่า รันเป็นสาวเซ็กซี่แต่รุ่นมินิ (หัวเราะ) ก็มีบ้างที่เปลี่ยนไป มันก็ภาพหนึ่ง แต่พอผ่านไปในระยะเวลาหนึ่ง เขาอาจจะเห็นว่าเรามีหลายคาแรกเตอร์มากกว่า คือความตั้งใจของเราคืออยากเล่นหนังที่มันหลากหลายมากขึ้น แต่ถ้ารันยังเป็นสาวหวาน ซึ่งมันก็เป็นมุมมองที่ดี แต่พอรันโตขึ้นปุ๊บ เราอยากได้งานที่มันหลากหลายขึ้นด้วย

  เล่นหนังมาตั้งนานยังไม่ดังซะที รู้สึกยังไงบ้าง ?

          รัน : ความรู้สึกรันอันแรกคือคงต้องโทษตัวเองก่อน ไม่ว่าจะเป็นพี่ๆ ที่เล่นด้วย หรือบทหนังแต่ละบทมันส่งรันอยู่แล้ว เราอาจจะเล่นไม่ดีที่สุด จะโทษคนอื่นไม่ได้ เราอาจจะตีบทไม่แตก แต่ทุกๆ งานที่หนูทำ หนูพยายามนะ เราอาจจะยังไม่มีประสบการณ์มากพอ บทที่ได้รับมาเลยยังทำได้ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ใจเรามันเต็มร้อยอยู่แล้ว หนูก็เรียนการแสดงมากขึ้น พอเราเล่นไปเรื่อยๆ เราก็จะเก็บได้ทีละเล็กทีละน้อย แต่ถ้าพูดถึงตอนที่เล่นละครเรื่องแรกๆ มันยังใหม่มาก หนูเองก็รู้สึกว่าตัวเองยังเกร็ง พอได้มาเล่นหนัง เราก็พยายามที่จะเข้าใจบทได้มากขึ้น ตอนที่เล่นหนัง มันก็เป็นจังหวะของหนังด้วย พอผ่านมาได้ปีหนึ่งหนังก็เป็นช่วงดาวน์ลง งานหนังมันก็ต้องหยุดลงด้วย อย่างปีที่แล้วรันแทบจะไม่ได้เปิดหนังเลย มีแต่หนังต่างประเทศของสวีเดน ซึ่งเขาก็ไม่ได้เลือกเราเลย ก็ต้องเข้าไปแคส อันนั้นรันถือว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ในการทำงานให้กับรันด้วย

รัน ณัทธมนกาญจน์



  นี่เป็นหนทางโกอินเตอร์หรือเปล่า ?

          รัน : มันก็ไม่ได้ขนาดนั้นนะ เพราะรันว่ายังไงคนไทยอาจจะไม่ได้ถูกยอมรับเท่ากับคนต่างชาติ เพียงแต่ว่าคนต่างชาติที่เขาเลือกนักแสดงคนไทย เพราะเขาชอบเรื่องสีผิว อย่างเหตุผลที่เขาเลือกรัน คือเขาชอบตาและชอบความบ้านๆ ของรัน เขาบอกว่าคนไทยจะมีเสน่ห์ในแบบนี้ รันว่าการที่เราจะไปโกอินเตอร์ได้ขนาดนั้นมันเป็นหนทางที่ยาวไกลมาก แค่เราได้ร่วมงานกับเขาก็ภูมิใจแล้ว

  ประสบการณ์จากการร่วมงานกับต่างประเทศ เป็นอย่างไรบ้าง ?

          รัน : มันเป็นประสบการณ์อีกอย่างหนึ่งเลย ทีมงานต่างประเทศทุกคนเท่าเทียมกันหมด ไม่มีใครได้อะไรที่พิเศษไปกว่ากัน ผู้กำกับเขาจะไม่เน้นเรื่องบทที่เขียนมา แต่จะเน้นเรื่องการที่เราเข้าใจตัวละครได้มากน้อยแค่ไหน คนต่างประเทศนี่เรื่องเวลาเขาสำคัญมาก เวลาทำงานเขาเครียด เวลาพักเขาก็เต็มที่จะไม่มีการคุยเรื่องงาน แต่ทำงานกับต่างชาติอาจจะยากเรื่องของภาษา เราคุยกับเขาไม่ได้เลย ก็จะมีล่ามคอยแปลให้ฟัง และคนไทยยังมีในเรื่องของการแต่งหน้า นางเอกพระเอกจะต้องดูดี แต่ฝรั่งเน้นความสมจริงที่สุด จะไม่มองว่าคุณเป็นนางเอกแล้วต้องสวย แต่คาแรกเตอร์เป็นยังไงให้ออกมาเป็นแบบนั้นดีกว่า

  ทุกวันนี้งานถือว่าโอเคหรือยัง ?

          รัน : ยังไม่รู้สึกว่ามันเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย ช่วงนี้อาจจะเดินสายงานอีเวนท์มากกว่า มันยังไม่ได้รู้ผลว่าละครหรือหนังที่ติดต่อเข้ามาจะเปลี่ยนคาแรกเตอร์ไปยังไง คือถ้ามองเรื่องการแสดง รันอยากจะไปให้ได้ไกลกว่านี้ ถ้ามองเรื่องงานอื่นๆ อย่างถ่ายแบบ รันก็ถือว่าทำได้ดีแล้วในหน้าที่นั้น อย่างน้อยก็มีกระแสตอบรับออกมาว่าเราดูเปลี่ยนแปลงไป

  แล้วถ้าเกิดมีหนังที่มันต้อง ถอดเสื้อล่ะ ?

          รัน : ถ้าถอดเสื้อคงเป็นอะไรที่แรงไป อย่างตอนที่รันไปเล่นหนังต่างประเทศ มันมีบทเลิฟซีน รันก็ยังไม่ยอมถอดเลย จริงๆ มันก็มีหนังแนวนี้ติดต่อเข้ามา แต่รันก็บอกว่ามันแรงไป จริงๆ แล้วเราอยากเปลี่ยนคาแรกเตอร์ แต่ถ้าบางสิ่งบางอย่างมันเกินลิมิตไปก็ไม่ไหว อย่าทำดีกว่า ถ้าทำแล้วเราไม่สบายใจ แต่ปฏิทินมันเป็นภาพนิ่งเป็นแค่ภาพๆ เดียว แต่การถ่ายหนังมันเป็นภาพเคลื่อนไหวมันมีสิทธิที่จะหลุดได้ ถ้าต้องรับหนังแล้วมันมีบทเซ็กซี่ขนาดนั้นจริงๆ คงต้องคุยกันมากกว่าเดิม

  มาถึงเรื่องหัวใจได้ข่าววีรภาพ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) มาจีบเหรอ ?

          รัน : รันต้องบอกว่า พี่วีเขารู้จักกับพี่หยี ผู้จัดการรัน และบางทีพี่หยีเขาก็ช่วยหางานให้พี่วีด้วย ก็เลยรู้จักกัน ที่เป็นข่าวด้วยกันคงเป็นเพราะ พี่วีเขาก็เป็นโสดอยู่ ตัวรันเองก็เพิ่งเลิกกับแฟน ก็เลยเป็นข่าวด้วยกัน แต่ถ้าถามรันตอนนี้ รันอยากเป็นพี่น้องกันไปก่อน พี่เขาก็ไม่ได้บอกว่าจีบรัน แต่เราเจอกัน และเราก็ไม่ได้เจอกัน 2 คน ก็เจอกันทั้งแก๊ง หนูไปไหนก็มีผู้จัดการหนู เขาก็มีผู้จัดการเขา แต่พี่วีเขาอาจจะเป็นคนดัง พอไปไหนด้วยกันก็เลยเป็นข่าวขึ้นมา

  เขามีท่าทีจีบบ้างไหม ?

          รัน : เรื่องจีบเหรอ จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอย่างนั้น ออกเป็นแนวเทคแคร์มากกว่า พี่เขาก็ไม่ได้เทคแคร์แค่รันคนเดียว อย่างที่รู้กันพี่วีก็เป็นคนที่ดูแลทุกคนอยู่แล้ว เรื่องนี้ความจริงรันไม่อยากพูดเยอะ เพราะรันเป็นผู้หญิง พูดเรื่องนี้มากไปมันก็ไม่ดี ณ ตอนนี้เราเป็นพี่น้องกันมากกว่า อย่างที่มีข่าวว่าไปกินข้าวด้วยกัน ก็กินจริงนะ แต่ก็ไม่ได้กินกันสองคน เราไปกันทั้งแก๊ง ตอนนี้เราเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันดีกว่า ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าพี่เขาจะมาชอบหนู ก็ขอให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า รันมองว่าเรื่องของความรัก ถ้าใช้เวลาที่รวดเร็วเกินไป ก็จะไปเร็วไง อยากให้มันค่อยๆ รู้สึก เริ่มจากเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันดีกว่า วันข้างหน้าถ้ามันจะเปลี่ยนแปลงไปก็เป็นเรื่องของอนาคต รันไม่ได้ปิดนะ เพียงแต่ว่าเวลาที่หนูจะชอบใครขึ้นมาสักคน หนูดูเรื่องความจริงใจมากกว่า ว่าเขามีความจริงใจแค่ไหน

รัน ณัทธมนกาญจน์



  พี่วีมีข่าวเยอะเลยต้องติดเบรกไว้ก่อนหรือเปล่า ? 

          รัน : รันไม่ได้มองเรื่องนั้น รันยังบอกพี่เขาเลยว่า คนอื่นเขามองพี่เป็นคาสโนว่า แต่เขาจะบอกว่าเขาเป็นคนเฟรนด์ลี่มากกว่า แต่จริงๆ แล้วคนเราจะเป็นยังไง เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อยู่แล้ว แต่ว่าหนูไม่ได้ซีเรียส เรื่องนี้ วันหนึ่งข้างหน้าถ้าเขาเป็นคนเจ้าชู้ เราก็คงเห็นเองว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ ณ ตอนนี้เราเผื่อใจไว้แค่นี้ก่อนดีกว่า ความรักนะมันต้องค่อยๆ เวลาคุยกับใครสักคน รันค่อนข้างคุยนาน ไม่ใช่เดือนสองเดือนแล้วเลิก ผ่านรันแล้วก็ต้องผ่านพ่อแม่ กว่าจะผ่าน แต่ละคนได้มันต้องใช้เวลา เราเป็นผู้หญิงเวลาคุยกับใครสักคนต้องดูให้ดีๆ หน่อย ความหล่อมันไม่ได้สำคัญมาก มันสำคัญว่าเราคุยกับคนนี้แล้วเราจะอยู่ได้หรือเปล่า

  หรือว่ายังเฮิร์ตกับรักที่ผ่านมา ?

          รัน : คุยกันมาตั้งนาน ก็ต้องมีบ้างที่เสียใจ ช่วงเดือนแรกๆ หนูยังเศร้า แต่หลังๆ ค่อยดีขึ้น ก็เลยยังอยากใช้เวลาดูแลตัวเองไปก่อนดีกว่า มันยังไม่พร้อมที่จะมีคนใหม่ในฉับพลัน ที่เราเลิกกันไป เราไม่ได้เกลียดกัน แต่มันยังมีบางอย่างที่เรายังลืมไม่ได้ ถ้ามีความรักครั้งใหม่จริงๆ ต้องใช้เวลามากกว่านี้ ก็มีกังวลบ้างว่าจะเป็นเหมือนครั้งที่แล้วไหม ถ้าถามว่าจะเปิดรับใครเข้ามาตอนนี้เลยไหม คงยังดีกว่า ค่อยแง้มๆ  ทีละนิด หากเกิดอะไรขึ้นมาจะได้ดึงประตูปิดทัน

  เวลาจะดูใจใครสักคนมีเกณฑ์ยังไง ?

          รัน : เริ่มจากการคุยไง คุยแล้วเราสบายใจไหม เรื่องหน้าตาไม่ใช่สิ่งสำคัญ หนูเป็นคนไม่ได้ชอบคนที่หน้าตาหล่อ แต่ชอบที่น่ารักมากกว่า บางคนดูดี แต่เราคุยด้วย แล้วเราอาจจะไม่คลิกกัน บางคนคุยแล้วเหมาะที่จะเป็นเพื่อนมากกว่าก็จะบอกเลย รันอายุ 24 เอง ยังมีเวลาดูได้อีกนาน ผู้หญิงก็คงอยากแต่งงานแค่ครั้งเดียว มันคงยากมากที่เราจะเจอคนที่ตรงใจกันจริงๆ แต่ละคนความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน ถูกเลี้ยงมาก็ต่างกันแล้ว คุยกันใหม่ๆ อะไรก็ดูดี ผ่านไปปีสองปีอาจจะไม่เป็นอย่างนี้ หนูค่อนข้างระวังตัวเรื่องความรัก คือถ้าเราคบกับใครคนหนึ่งก็อยากคบให้ได้นานที่สุด เป็นไปได้ก็อยากให้คนนี้เป็นคนที่เราแต่งงานด้วย เลยค่อนข้างระวังในการที่จะคบใคร และถ้าคบรันแล้วที่บ้านไม่ โอเค ไม่ชอบ รันก็คงต้องเลือกที่บ้านก่อน

          ได้ยินแล้ว ชายหนุ่มทั้งหลาย คงทราบแล้วเปลี่ยน น้องรันเขาระวังหัวใจกันสุดฤทธิ์ทีเดียว



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่อง : คนกลาง/ ภาพ : สุรเชษฎ์  วัชรวิศิษฎ์

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รัน เซ็กซี่เพราะอยากเปลี่ยน อัปเดตล่าสุด 18 มกราคม 2552 เวลา 17:15:07 41,697 อ่าน
TOP
x close