ความสุขแบบ กะทิ-กะทิ ความสุขของ น้องพลอย

พลอย ภัสสร ความสุขของกะทิ

 

ความสุขของกะทิ

พลอย ภัสสร

พลอย ภัสสร

พลอย ภัสสร

พลอย ภัสสร ความสุขของกะทิ

พลอย ภัสสร

พลอย ภัสสร

พลอย ภัสสร


ความสุขของกะทิ

ความสุขของกะทิ





          ความจริงก่อนหน้านี้ พลอย-เด็กหญิงภัสสร คงมีสุข เคยมีงานแสดงออกมาให้เห็นบ้างแล้ว ทั้งจาก "ละครทีวี" และรวมถึงที่เธอแสดงเป็น จีจ้า-ญาณิณ วิสมิตะนันทน์ ตอนเด็กในหนัง "ช็อคโกแลต" แต่ก็เพิ่งจะมาโดดเด่นโดนตาใครต่อใครชัดๆ ใน "ความสุขของกะทิ" นี่ละ อาจจะเพราะดวงตาแป๋วๆ และทรงผมม้าเต่อ ที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหน สหมงคลก็ไปติดโปสเตอร์ขนาดใหญ่ไว้ให้เห็น

 น่ารักเสียไม่มี

          น้องพลอย : ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เล่น

          เสียงใสๆ ของพลอยเล่า ก่อนจะว่าที่จริงเธอน่ะไม่รู้จัก "ความสุขของกะทิ" ด้วยซ้ำ จนแม่ไปเห็นประกาศรับสมัครนักแสดงนำ จึงพาไปสมัคร แล้วก็นำหนังสือมาให้อ่าน ซึ่งพออ่านแล้ว เจ้าตัวก็สารภาพความจริงว่าแรกๆ ไม่รู้สึกอะไร นอกเสียจาก "ตาลาย" เพราะ "ตัวหนังสือมันเยอะ" หากพออ่านไปๆ ก็สนุกดี ด้วยเหตุนี้ก่อนจะถูกเรียกไปคัดเลือกตัวเธอจึงรู้จัก "กะทิ" ดีพอจะบอกว่า กะทิเป็นคนรักครอบครัว มองโลกในแง่ดี ร่าเริง สนุกสนาน ซึ่ง "ตรงเกือบทุกอย่าง" กับตัวเอง

          น้องพลอย : จะไม่ตรงๆ ที่เขาไม่มีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วย แล้วหนูก็ซนกว่า ตลกกว่า และก็เป็นคนเส้นตื้นมาก "เส้นตื้น" ขนาดถ้ามีใครมาทำให้หัวเราะก็นานหลายนาทีกว่าจะหยุดได้ "ตลกกว่า" ตรงที่เป็นคนไม่อยากให้เพื่อนหน้าบึ้ง ดังนั้นจึงชอบทำท่าตลกๆ ที่บางครั้งก็ซ้อมไว้แล้วที่หน้ากระจกให้เพื่อนดู "ซนกว่า" ในแง่ที่พอคุ้นกับใครก็จะชอบแกล้ง เคยแกล้งแซวทีมงานคนหนึ่งซึ่ง "พุงใหญ่" ล้อได้ล้อดี ล้อทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง "ล้อจนพี่เขาต้องไปลดน้ำหนัก ตอนนี้ก็ผอม เลยล้อไม่ได้แล้ว" แล้วหนูชอบทะเลาะกับคุณแม่ กับน้องชาย ชอบทะเลาะกับทุกคน

          ซะงั้น!!

          น้องพลอย : แต่ไม่ได้ทะเลาะกันจริงจังนะคะ ทะเลาะแบบเล่นๆ พอทะเลาะกันปุ๊บ ก็จะสนิทกันมากกว่าเดิม อย่างน้องชายหนูเขาจะอ้วนกว่าหนู ดำกว่าหนู แล้วก็ไม่หล่อ หนูก็จะชอบล้อเรื่องนี้ แต่สุดท้ายหนูก็จะปลอบเขานะ จะอธิบายให้เขาฟังว่าไม่ว่าจะเป็นยังไง น้องนิวก็เป็นน้องชายของพี่นะ เชื่อดิโตขึ้นก็ต้องหล่อ

แต่แม้จะต่างกันบ้าง พลอยก็ว่าการมารับบทนี้ ไม่ยากนัก เนื่องจากทีมงานและนักแสดงทุกคนช่วยเหลืออย่างดียิ่ง

          น้องพลอย : ทุกคนใจดีมากค่ะ จะคอยสอนแอ๊คติ้งให้ จะอธิบายว่าถ้าบทแบบนี้ ต้องเล่นอย่างนี้ แถมเวลาที่เล่นไม่ได้ จำบทไม่ได้ ก็ยังให้พักไปนั่งสมาธิได้ตลอดเวลา หลังจากรู้ว่าเคล็ดในการจำบทของเธอนั้นคือการนั่งสมาธิทุกเช้า ทุกก่อนนอน รวมถึงตอนก่อนจะถ่ายทำ

ด้วยเหตุนี้พอถามว่ามีฉากไหนที่ยากบ้าง เธอจึงตอบเต็มปากเต็มคำว่าไม่มี

          น้องพลอย : แต่บางทีก็ต้องเทค เพราะบางครั้งพลอยยังทำได้ไม่ดี กะทิเขาเป็นเด็กที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ ไม่ค่อยมีท่าทาง ร้องไห้เขาก็จะไม่ฟูมฟายเหมือนเด็กเล็กๆ เพราะเด็กเล็กๆ ถ้าแม่หายไปปุ๊บ จะร้องปั๊บ โวยวาย กรี๊ด

ซึ่งถ้าเป็นชีวิตพลอยว่าเธอคงทำแบบกะทิไม่ได้ เพราะแม้ทุกวันนี้จะเรียนอยู่ชั้นมัธยม 1 แล้ว แต่ก็ยังติดแม่มาก ถึงขนาดวันไหนไม่เจอไม่ได้

          น้องพลอย : ถ้าคุณแม่หายไป หนูร้องไห้ก่อนเลย แล้วก็จะโทร.หา เรื่องนี้จะโดนคุณแม่อำเป็นบางครั้งค่ะ เขาจะชอบไปซ่อนหลังประตู พอหนูกลับมาไม่เจอ โทร.ไปหา คุณแม่ก็บอกว่าไปเที่ยวต่างจังหวัด เดี๋ยวกลับ พอหนูถามว่ากลับวันไหนจ๊ะ คุณแม่บอกอีก 2-3 วัน หนูก็ตกใจ ร้องไห้ใส่โทรศัพท์เลย บอกไม่เอา คุณแม่ต้องกลับวันนี้เลย

อารมณ์รักแม่อย่างนี้แหละที่พลอยว่ามีประโยชน์อย่างสูงในการแสดงฉากร้องไห้ในเรื่อง

          น้องพลอย : คุณแม่บอกว่าถ้าน้องพลอยคิดว่าตัวเองเป็นกะทิ แล้ววันหนึ่งมาเจอแม่ เห็นแม่นอนป่วย และแม่จะอยู่ได้อีกไม่นาน น้องพลอยจะรู้สึกยังไง จำความรู้สึกนี้ไว้แล้วให้ไปเล่นกับกล้อง

ผลก็ออกมาอย่างที่เห็น

          น้องพลอย : หนูพยายามจำภาพคุณแม่ไว้ค่ะ เห็นคุณแม่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วอยู่ๆ ก็เดินหนีไป เดินไกลขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็หายไปจากสายตาหนูเลย ทีนี้หนูก็ร้องไห้ น้ำตาไหลไม่หยุดเลยค่ะ ตอนกอดคุณแม่ ก็จะนึกว่าคือคุณแม่เราจริงๆ หนูก็จะกอดแน่นขึ้นไปอีก เพราะพอคิดอย่างนี้แล้วมันก็ยิ่งอินค่ะ

ครั้นถามว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนมาถึงตอนนี้ การแสดงหนังนี่เหนื่อยไหม? พลอยก็ว่า

          น้องพลอย : ไม่เหนื่อยค่ะ แล้วก็ไม่ยากด้วย หรือถ้ามีที่ยากๆ หนูก็คงจะลืมไปแล้ว เพราะทุกฉากมันสนุก หนูได้เจอพวกพี่ๆ ทีมงาน ได้ทำท่าตลกๆ ให้เขาดู พอเห็นพวกที่ๆ เขาหัวเราะ หนูก็ลืมอะไรยากๆ ที่เจอมาแล้วค่ะ ส่วนเรื่องเหนื่อย พี่ๆ จะคอยถามหนูว่าเหนื่อยหรือเปล่า จนหนูรู้สึกเกรงใจมาก รู้สึกว่าพี่ๆ แหละเหนื่อยหรือเปล่าที่ต้องมานั่งดูแลหนู หนูไม่ใช่นักแสดงดังอะไร แล้วถ้าเหนื่อยก็พัก แล้วหนูตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด เพราะรู้ว่าทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง หนูมีหน้าที่แสดงบทกะทิ ก็ต้องทำตรงนี้ให้ดี พี่ที่เป็นฝ่ายไฟเขาก็ต้องยกไฟ จัดไฟ ทุกคนมีหน้าที่ และเขาต่างรับผิดชอบได้ดี หนูก็ต้องทำให้ได้อย่างนั้นเหมือนกัน

ถึงวันนี้เมื่อการรับบทบาทเป็น "กะทิ" เสร็จสมบูรณ์แล้ว พลอยก็ว่าหน้าที่ต่อไปของเธอคือการตั้งใจเรียนต่อ

          น้องพลอย : เพราะคุณแม่บอกว่าถ้าหนูเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ เลือกที่จะถ่ายหนังไป เรียนไป หนูก็ต้องตั้งใจเรียนไปด้วยเหมือนกัน ซึ่งหนูก็ตั้งใจจะทำอย่างนั้น

 

  เรื่องย่อภาพยนตร์ ความสุขของกะทิ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก
 
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก มติชนออนไลน์ และ สหมงคลฟิล์ม

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ความสุขแบบ กะทิ-กะทิ ความสุขของ น้องพลอย อัปเดตล่าสุด 20 มกราคม 2552 เวลา 13:47:45 21,958 อ่าน
TOP
x close