มาริโอ้ ออกปากครวญ เป็น ดารา ไม่ใช่เรื่องง่าย






"โอ้"ออกปากครวญ เป็น"ดารา"ไม่ใช่เรื่องง่าย (ข่าวสด)
โดย อนงค์ จันทร เรื่อง

          เพราะหล่อระดับขั้นเทพทำให้ชื่อเสียงของ "มาริโอ้ เมาเร่อ" หนุ่มลูกครึ่งไทย-จีน-เยอรมัน ดังได้ไม่ยาก จากภาพยนตร์ "รักแห่งสยาม" ที่เป็นจุดสปาร์กให้เขาดังเป็นพลุแตก ได้รับรางวัลหนุ่มฮอตแห่งปีจากนิตยสารหลายสำนัก แต่อยู่ ๆ ไป โลกมายาก็ทำให้เขาหลงระเริงจนลืมตัว โชคดีที่ยังกลับลำทัน

          วันนี้หนุ่มละอ่อนมานั่งจิบกาแฟรับลมเย็นๆ พูดคุยเรื่องราวที่ผ่านมา รวมถึงคดีความกับอดีตผู้จัดการ "โกโก้"นิรุณ ลิ้มสมวงศ์ ที่จบลงด้วยดี

คดีตอนนี้จบแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?

          มาริโอ้ : ดีใจที่มันจบ เราจะได้ไปทำงานสบายๆ ไม่ต้องเครียด การขึ้นศาลไม่ใช่เรื่องสนุก

ถามได้ไหม ว่าต้องจ่ายเงินไปเท่าไร?

          มาริโอ้ : เรื่อง นี้เขาไม่ให้พูดครับ เขามีบุญคุณกับโอ้ อย่างน้อยเราก็เดินทางด้วยกันมา เราอยู่วงการเดียวกัน โอ้ไม่อยากที่จะมีเรื่องกับใครสักคนในวงการ อยากอยู่ในวงการอย่างที่ทุกคนรักเรา

กับพี่โก้ตอนนี้คุยและร่วมงานกันได้ไหม?

          มาริโอ้ : คุยกันได้ ร่วมงานกันได้ครับ คือทุกอย่างมันเป็นการเข้าใจผิดกัน ความคิดเห็นไม่ตรงกัน ตอนนี้ทุกอย่างจบเรียบร้อย

ตอนที่โอ้เข้ามาช่วงแรก ๆ ดังมาก งานเยอะ หลัง ๆ พอมีข่าวเรื่องพี่โก้งานน้อยลง รู้สึกอย่างไร?

          มาริโอ้ : รู้สึก ว่ากาลเวลามันเป็นตัวพิสูจน์เรามากกว่า เราก็ตั้งใจทำงานต่อไป จากกรณีนี้มันสอนอะไรโอ้หลายอย่าง และทำให้เรารู้อะไรที่ลึกลงไป รู้สึกถึงการทำงานที่เราเกิดความเข้าใจผิดกันมันก็ทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ได้

พอมีเรื่องหรือข่าว คนมองเราเปลี่ยนไป?

          มาริโอ้ : เปลี่ยนครับ คนไทยเป็นคนที่เวลาอ่านข่าวอะไรก็ตัดสินคนจากข่าวเลย

 มีคนเข้ามาให้กำลังใจบ้างไหม?

          มาริโอ้ : มี ครับ บางคนบอกเป็นเรื่องปกติ และโชคดีแล้วที่ขึ้นศาลตั้งแต่เด็ก โตไปเจออะไรสบาย เขาบอกถ้าเรามองในด้านดีมันก็เป็นเรื่องดี อย่ามองด้านร้ายอย่างเดียว เรา ก็มองว่ามันเป็นภูมิคุ้มกัน ผู้ใหญ่บางท่านก็บอกว่าโตขึ้นยังเจออีกเยอะ เราก็เข้าใจ เพราะบางทีเราพูดผิดแค่คำเดียวมันก็เกิดเรื่องขึ้นได้ เพราะฉะนั้นเราต้องค่อยๆ ทำและต้องมีสติ

 แสดงว่าไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรเราต้องระวังตัวมาก?

          มาริโอ้ : หลาย คนอาจคิดว่าการเป็นนักร้องเป?นดาราเป็นเรื่องง่าย เดี๋ยวก็ออกงาน เดี๋ยวถ่ายรูป ให้สัมภาษณ์ งานง่าย ๆ มันไม่ใช่เลย มันยากกว่าเยอะ การอยู่วงการนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่ทุกคนคิด

อยู่ตรงนี้ต้องระวังเรื่องอะไรมากที่สุด?

          มาริโอ้ : โอ้ ว่าสำคัญสุดคือรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ รู‰จักมารยาทไทย เคยมีผู้ใหญ่บอกว่าเจอใครให้ไหว‰หมด เพราะทุกคนมีบุญคุณ เราทำงานด้วยกันเดินไปพร้อมกัน ต้องเคารพทุกคน การที่เราไหว้คนหลายๆ คน มันทำให้เราได้รู้จักคนหลากหลายอาชีพ ได้คุยได้ความรู‰ครับ
 
พอมาอยู่ ณ จุดนี้ เคยมีคนทักไหมว่าโอ้เปลี่ยนไป?

          มาริโอ้ : มี ครับ เพื่อนบอกโอ้เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม เพื่อนสนิทเลยนะที่พูด ช่วงเด็กๆ เราไปทุกที่มีแตˆคนชมว่าหล่อ ว่าเก่ง ช่วงดังใหม่ๆ มาพูดแบบนี้ทุกวันเป็นใครก็ลืมตัว มันเป็นกันได้ง่ายมาก โอ‰โดนชมตลอดเวลาก็ลืมตัวไปพักหนึ่ง แต่สักพักก็กลับมาคิดได้

อะไรที่ทำให้คิดได้?

          มาริโอ้ : เรา ทำงานอยู่ตรงนี้เหมือนว่าเรามองเห็นแต่คนอื่นไม่ได้มองเห็นตัวเอง หรือบางทีเห็นตัวเองในกระจก แต่เราไม่ได้อยู่กับตัวเอง เหมือนตอนนี้ที่โอ้เรียนนั่งสมาธิแล้วให้มองตัวเอง เรารู้จักคนอื่นเยอะแยะ แต่รู้จักตัวเองน้อยที่สุด

ช่วงที่หลงตัวเอง เพื่อนบอกไหมว่าเปลี่ยนไปอย่างไร?

          มาริโอ้ : ขี้ เก๊ก พูดจาอะไรก็ไม่รู้ ไร้สาระ พอเราเริ่มมีชื่อก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่โอ้เป็นแป๊บเดียว พอเรากลับมาก็มีปัญหาเรื่องคุยไม่รู้เรื่องแทน จริงๆ เพื่อนมันน้อยใจที่เราไม่มีเวลาให้ ปีหนึ่งเจอกันครั้งสองครั้ง หรือเจอกับแบบปุ๊บๆ เวลาเรามีน้อยมาก ก็เลยคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็มีเพื่อนบางคนที่เข้าใจ

เพื่อนหายไปบ้างไหม?

          มาริโอ้ : ถ้า เป็นเพื่อนซี้ๆ ไม่เคยหาย แต่ถ้าเป็นเพื่อนที่รู้จักผ่านๆ หายไป โอ้ว่าเพื่อนดีๆ หายาก เพื่อนที่เข้าใจเรา เพื่อนที่รักเราจริงๆ หายากมาก

แล้วเพื่อนอย่างสายป่าน(อภิญญา) ล่ะ?

          มาริโอ้ : ยังไงมันก็เป็นเพื่อน

ตอนนั้นเขาบอกว่าความเป็นเพื่อนมันหยุด?

          มาริโอ้ : ข่าว ที่ออกมามันไม่ใช่ ผมโทร.ถามเลย เพราะผมเป็นเพื่อนเขา ความเป็นเพื่อนที่เขาพูดก็คือ ความเป็นเพื่อนมันยังอยู่ต่อไป เขาไม่ได้พูดว่าจบความเป็นเพื่อน ป่านเป็นคนพูดตรง ไม่ใช่คนโกหก โอ้เชื่อ 100% ว่าเขาไม่ได้พูด พอเคลียร์แล้วก็สบายใจขึ้น

เคลียร์กับเพื่อนแล้ว แล้วผู้ใหญ่ล่ะ เขาเข้าใจมากขึ้นไหม?

          มาริโอ้ : ผู้ใหญ่ในวงการเขาไม่ค่อยสนใจอยู่แล้ว พอเขาได้ร่วมงานกับเราแล้ว เขารู้ว่าเป็นยังไง ใครมาพูดอะไรมันก็ไม่สำคัญแล้ว

วางแผนว่าจะอยู่วงการนี้ไปอีกแค่ไหน?

          มาริโอ้ : สำหรับ งานในวงการบันเทิง โอ้คงทำไปอีกนาน เพราะเราอยู่ตรงนี้ เราค่อยๆ รักมันขึ้นเรื่อยๆ เห็นคุณค่ามันมากขึ้นทุกครั้งที่เราได้ทำมันครับ

อย่าตัดสินจากข่าว

         แรกที่เข้าวงการนั้นก็เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว ไม่ได้คิดอยากเป็นดารา แต่มาตอนนี้หนุ่มหน้าใส "มาริโอ้ เมาเร่อ" เกิดหลงรักการแสดงเข้าเต็มเปา

          มาริโอ้ : ยิ่ง ทำก็ยิ่งรักงานตรงนี้ไปทุกวัน ทำงานอยู่ตรงนี้เหมือนกับว่าเราทำงานศิลปะ มันไม่ได้ทำกันง่ายๆ เราต้องใช้ความพยายามครับ ยิ่งทำมากขึ้น ก็ยิ่งรักงานนี้ขึ้นเรื่อยๆ ครับ
 
          เมื่อ เข้ามาในวังวนมายา แน่นอนว่าย่อมไม่พ้นข่าวคราวที่มีตามมา โดยเฉพาะข่าวในแง่ลบ ซึ่งเจ้าตัวเผยถึงข่าวที่ทำให้รู้สึกท้อ นั่นคือ ดังแล้วหยิ่ง ดังแล้ว อกตัญญู ลืมบุญคุณคน

          มาริโอ้ : โอ้อยากบอกว่าอย่าไปเชื่อ ให้ดูกันนานๆ ดีกว่า เพราะบางทีข่าวหรืออะไรที่เข้ามามันก็เป็นอุปสรรค โอ้ว่าอย่าตัดสินใครจากข่าวดีกว่า

          แรกเข้ามาดาราหนุ่มยอมรับว่า ไม่เคยคิดว่าจะเจอข่าวอะไรขนาดนี้ แต่เมื่อเจอเขาก็ตั้งรับด้วยการปรึกษาผู้ใหญ่ ทั้งแม่ อาจารย์ พี่ที่นับถือ และเพื่อน ๆ ที่รัก

          มาริโอ้ : พอ มีข่าว แม่ก็เป็นห่วงครับ เขาจะเครียด แม่อายุมากแล้ว เขาเห็นโอ้เครียดเขาก็เครียดตาม บางทีอ่านข่าว หรือว่าดูรายการบันเทิง เขาก็เครียด บางทีข่าวไม่ดีบ้าง คือการเสนอข่าวบางทีผู้ใหญ่เขาก็ยังงง ๆ ว่าทำไมต้องนำเสนอแบบนี้ บางทีคนงานที่บ้านก็เอาข่าวโอ้มาให้อ่าน แม่ก็มีถามโอ้ว่าทำไมมันเกิดขึ้นแบบนี้ โอ้บอกแม่ว่ามันเป็นเรื่องปกติ ยังไงทุกคนก็ต้องเจอ อย่าไปเครียดเลย มันมาเดี๋ยวมันก็ไป

ตอนนี้เรียกว่าโอ้เป็นหัวหน้าครอบครัว ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน

          มาริโอ้ :ไม่ ถึงกับเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ก็ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน โดยเงินที่ได้มาก็ให้แม่บางส่วน และเก็บไว้บางส่วนสำหรับค่าใช้จ่ายของเรา เพราะตอนนี้โอ้ไม่ได้ขอตังค์แม่แล้ว เมื่อก่อนทำงานให้ตังค์แม่เป็นคนเก็บ แต่เราก็ขอตังค์แม่ทุกวัน ตอนนี้เราไม่ขอเลย เราเอาเงินมาจัดสรรเองครับ

  ทำงานมานาน คิดจะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้ตัวเองบ้างไหม

          มาริโอ้ : ยังครับ ยังไม่อยากซื้อ เสียดายตังค์ ก็เก็บ ๆ ไปก่อนครับ


"กุ๊บกิ๊บ"เพื่อนสนิทไม่ใช่แฟน-ชอบสาวติดดิน




          ปล่อยให้สาวคนสนิท "กุ๊บกิ๊บ"สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย ลงเล่นละครชิมลางไปก่อน ส่วนหนุ่ม "มาริโอ้" นั้น ยังไม่คิดที่จะสัมผัส โดยเขาบอกว่า

          มาริโอ้ : มัน ยังไม่ถึงเวลา เรายังไม่พร้อม เรารู้ว่าเรายังไม่เก่งพอ แล้วรู้ว่าการเล่นละครมันยาก มันต้องมีสมาธิเยอะๆ เหมือนกับแสดงหนัง แต่ละครมันยากขึ้นไปอีก

ถามกุ๊บกิ๊บไหมว่าละครเล่นเป็นไงบ้าง

          มาริโอ้ : เขาก็บอกว่าโอเค เล่นแล้วเขาก็ชอบ เขาก็มีมาเล่าบรรยากาศในกอง เขาบอกว่ากองถ่ายสนุก มีแต่ผู้ใหญ่ใจดี

 ในละคร กุ๊บกิ๊บต้องเล่นเลิฟซีนเยอะ เขาบอกหรือเปล่า

          มาริโอ้ : เขาก็บอก บอกว่ามีเยอะ ๆ ดีเขาชอบ (หัวเราะ)

พอเขาบอกแบบนี้ไม่คิดจะไปแอบดูเขาถ่ายบ้างเหรอ

          มาริโอ้ : ไม่ครับ เพราะเราคบกันเป็นเพื่อนมากกว่า ตอนนี้เราเป็นเหมือนเพื่อนกันมากกว่าไม่ใช่แฟน"

ไม่ป๊อปปี้เลิฟเหมือนตอนแรก

          มาริโอ้ : ไม่ใช่ครับ มันเหมือนเพื่อนที่รู้ใจกันมากกว่า

ณ ตอนนี้มันเกินคำว่าแฟนจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันมาก

          มาริโอ้ : ไม่ได้เกินคำว่าแฟน แต่เรารู้ว่าเราเป็นเพื่อนที่สนิท เรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ได้อยากเป็นแฟน

 แต่ยังคบกันเหมือนเดิม

          มาริโอ้ : ยังคบกันเหมือนเดิม ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีครับ

สรุปคู่ของโอ้กับกุ๊บกิ๊บ แรก ๆ เหมือนคบหาดูใจ มาตอนนี้ยังไง

          มาริโอ้ : ก่อน หน้านี้ก็ไม่เคยคิดว่าเป็นแฟนกันเลย มันเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ น้องชายกิ๊บสอบเข้าป.1 พร้อมกัน กิ๊บเขาเห็นโอ้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ตั้งแต่โอ้เต้นเพลงข้าวมันไก่ของงานโรงเรียน กิ๊บเขาก็ไปอัดวิดีโอแล้วผ่านพอดี เขาก็ว่าตลกดี เพราะตอนเด็กโอ้ไว้ผมทรงเห็ด แล้วชุดทุกอย่างก็รัดรูปหมด ตลกมาก

แสดงว่าที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นแฟนกันก็ไม่ถูก

          มาริโอ้ : ใช่ครับ เราเป็นเพื่อนที่สนิทกัน

ตอนแรกที่คนมองว่าเราเป็นแฟนกันรู้สึกอย่างไรบ้าง

          มาริโอ้ : เฉย ๆ ปกติครับ โอ้ไม่ชอบแค่ตอนที่ไปว่าผู้หญิง

ตอนนี้ไม่มีใครว่าเขาแล้ว เขาดังแล้ว

          มาริโอ้ : เมื่อก่อนเขาบอกว่ากิ๊บเกาะโอ้ดัง ล่าสุดอ่านหนังสือ โอ้เกาะกิ๊บดัง(หัวเราะ) เราก็โอเคครับ เข้าใจ

กิ๊บไม่ใช่แฟน แล้วเรามีคนที่คุย ๆ ด้วยไหม

          มาริโอ้ : มีคุยปกติ แต่เราไม่ได้ไปสนิทเป็นแฟนอะไร ก็คุยปกติ เจอกันสวัสดีทักทาย

ไม่ใช่แบบนั้น หมายถึงสาว ๆ

          มาริโอ้ : อ้อ..โอ้ว่ามันเป็นเรื่องปกติ มองก็มองได้ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปจีบ เพราะไม่ใช่คนที่จะเข้าไปจีบใคร"

แสดงว่าตอนนี้โสด

          มาริโอ้ : โสดครับ เราก็เป็นเด็กปกติ เราเพิ่งอายุเท่านี้เอง ยังไม่มีครับ"

ผู้หญิงแบบไหนที่รู้สึกว่าคนนี้ใช่เลย

          มาริโอ้ : ผู้หญิงที่ไม่ค่อยเป็นผู้หญิง ชอบผู้หญิงที่ไม่ต้องมานั่งหวาน ๆ แอ๊บ ๆ ชอบผู้หญิงเฮี้ยว ๆ หน่อย ลุย ๆ ติดดินครับ

          แหม..เปิดทางซะขนาดนี้ ทำเอาสาวหลายคนหัวใจพองโต

ขี้งก

          เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยพกเงิน นอกจากจะไปซื้อของนั่นแหละ "มาริโอ้ เมาเร่อ" ถึงจะพกเงินติดตัว

ถามว่าวันหนึ่งพกเงินติดตัวกี่บาท มาริโอ้ บอกว่า..

          มาริโอ้ : ถ้า ไปกองถ่ายไม่พกตังค์เลยครับ ไม่จำเป็นต้องพกด้วย เพราะกองถ่ายมีข้าวมีอาหารกิน รถตู้ก็มีไปส่งเราด้วย สบาย แต่ถ้าเป็นงานอีเวนต์พกตังค์ไปสักสองร้อยพอ เดี๋ยวไปถ่ายแฟชั่นเขาก็มีผลไม้เลี้ยง ก็ไม่ต้องซื้ออะไร"

อย่างนี้นี่เองถึงถูกว่าเป็นคนงก เจ้าตัวแย้ง

          มาริโอ้ : โอ้ ไม่ได้งก แต่โอ้ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้อะไรเยอะ เงินที่ใช้ส่วนใหญ่จะหมดไปกับเสื้อผ้า ดูโอ้แต่งตัวเรียบ ๆ แต่มันเยอะ เพราะเราอยู่ตรงนี้ แต่งตัวซ้ำไม่ได้ เราออกงานแทบทุกวัน ใส่ชุดซ้ำมันก็ดูไม่ดี"

           แหม...อย่างนี้น่ะ ใส่อะไรก็หล่อจ้ะ


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มาริโอ้ ออกปากครวญ เป็น ดารา ไม่ใช่เรื่องง่าย อัปเดตล่าสุด 20 กันยายน 2552 เวลา 16:34:18 3,864 อ่าน
TOP
x close