เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ประเทศสหรัฐอเมริกาถือเป็นประเทศที่ชื่นชอบการจดสถิติต่าง ๆ มากมายเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสำคัญ ๆ หรือเรื่องที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อย ก็เก็บบันทึกทำเป็นสถิติไปซะหมด ล่าสุดก็มีสถิติใหม่เกี่ยวกับผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กในประเทศสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นมาใหม่อีกชิ้นหนึ่ง หลังโพลสำรวจจากแดนลุงแซมได้ทำการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ ก่อนจะได้บทสรุปที่ว่า ชาวอเมริกันจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ ใช้เฟซบุ๊กมากกว่าการมีพาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทางเกือบเท่าตัว !!
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เว็บไซต์เดลิเมล ของอังกฤษ ได้เปิดเผยถึงสถิติดังกล่าวว่า ชาวอเมริกันกว่า 155 ล้านคน หรือคิดเป็น 50 % ของจำนวนประชากรทั้งหมด ใช้เครือข่ายออนไลน์อย่าง "เฟซบุ๊ก" ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากกว่าผู้ที่มีพาสปอร์ตที่มีผู้ใช้อยู่ที่ 115 ล้านคน หรือ 37 % ของจำนวนประชากรทั้งหมด แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับสัดส่วนด้านจำนวนผู้ออกเดินทางท่องเที่ยวในต่างแดนของประเทศอื่น ๆ
ในปัจจุบันนี้มีผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กจากทั่วทั้งโลกถึง 750 ล้านคน และกว่า 1 ใน 4 ของผู้ใช้เฟซบุ๊กทั่วโลกล้วนแต่เป็นชาวอเมริกันทั้งสิ้น ซึ่งจากสถิติใหม่ที่ว่านี้ มีการคาดการณ์กันว่าสัดส่วนของชาวอเมริกันที่ถือพาสปอร์ตเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวลดต่ำลง น่าจะเป็นผลมาจากเรื่องของราคาค่าตั๋วและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างประเทศที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นผลจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งคนส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะหยุดพักผ่อนอยู่กับบ้านมากกว่าการเตรียมตัวออกเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและลดภาระที่ไม่จำเป็นได้มากกว่า
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายไซม่อน วินเชสเตอร์ ผู้เขียนหนังสือ "The Best American Travel Writing" ได้อธิบายว่า ชาวอเมริกันชื่นชอบการท่องเที่ยวในต่างแดนมาเป็นเวลานานแล้ว แต่สาเหตุที่ทำให้มีการเดินทางไปต่างประเทศลดน้อยลง ก็เพราะการเดินทางในแต่ละครั้งนั้น ส่วนมากแล้วมักจะมีเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เพราะการเดินทางต้องใช้เวลานาน แถมยังมีระยะทางที่ไกลมาก ๆ บางประเทศต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความน่าเบื่อหน่ายของการเดินทางได้
"เมื่อช่วงปี 2010 ที่ผ่านมา มีชาวอเมริกันประมาณ 13.8 ล้านคน เดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงเอาการเมื่อเทียบกับเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่มีจำนวนของผู้ที่เดินทางออกนอกประเทศเพียงแค่ 7.2 ล้านคนเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี จำนวน 13.8 ล้านคนนี้ก็ถือเป็นตัวเลขที่ตกลงมาจากปี 2007 เพราะในปีนั้นมีผู้ที่ทำเรื่องขอเดินทางออกนอกประเทศถึง 18.6 ล้านคน" นายวินเชสเตอร์ กล่าวเสริม
