ย้อนวันวานภารกิจอาสาช่วยน้ำท่วมของ ผู้พันเบิร์ด


เจาะลึก ผู้พันเบิร์ด กับการทำหน้าที่จิตอาสาช่วยน้ำท่วม

เจาะลึก ผู้พันเบิร์ด กับการทำหน้าที่จิตอาสาช่วยน้ำท่วม

          โพลทุกสำนักยกให้ทหารเป็น ฮีโร่ ตัวจริงในมหาอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ เพราะภารกิจตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ประชาชนได้เห็นว่านอกจากภารกิจด้านความมั่นคงแล้ว กองทัพยังมีศักยภาพด้านมวลชนที่ทหารทุกนายทำเกินกว่าคำว่า "สำนึกในหน้าที่" จากภารกิจนี้ทำให้กองทัพบกเสริมทีมโฆษกกองทัพบกให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น โดยหนึ่งในทีมงานนั้นคือ ผู้พันเบิร์ด-พ.ท.วันชนะ สวัสดี  รองโฆษกกองทัพบก ซึ่งนอกจากจะเป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" แล้ว ยังถือว่ามีบทบาทโดดเด่นในช่วงวิกฤติน้ำท่วมที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ ผู้พันเบิร์ด ได้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการทำหน้าที่จิตอาสา ดังนี้

          ความโชคดีของกองทัพอย่างหนึ่ง คือ กองทัพมีความพร้อมในเรื่องของกำลังคน อาวุธยุทโธปกรณ์ และมี 8 ความพร้อมในเรื่องของยุทธวิธีในการแก้ไขปัญหา พอเวลารัฐบาลสั่งงานมาว่าให้ช่วยน้ำท่วม การบูรณาการภายในกองทัพเองจะเกิดขึ้นได้เร็ว เนื่องจากว่ามีความ พร้อม พอการบูรณาการเกิดขึ้นเร็วก็เลยมองเป็นภาพที่มีเอกภาพในการบังคับบัญชาของ ตัวหน่วยงานเอง กองทัพสามารถแบ่งกำลังได้ภายในตัวเอง แบ่งพื้นที่รับผิดชอบได้ชัดเจน วางแผนดำเนินการได้ทันต่อเวลา จึงเกิดภาพที่ว่ากองทัพทำงานเอง แต่หากย้อนไปถึง  3 เดือนที่แล้ว จะเห็นว่ากองทัพเริ่มแบ่งพื้นที่และหน่วยกำลังรับผิดชอบแล้ว โดยผู้บัญชาการทหารบกแบ่งกลุ่มงานออกเป็น 4 กลุ่มงานใหญ่ ๆ คือ  งานบริหารจัดการในเรื่องของน้ำ คน สิ่งของ และการบูรณาการ ซึ่ง เราเริ่มวางแผนหลังจากที่ได้รับคำสั่งมาแล้ว ซึ่ง 4 กลุ่มงานนี้จะเกิดขึ้นได้โดยมี 4 ภารกิจ  คือ งานป้องกัน การซ่อมแซมกู้คืน การอพยพขนย้าย งานช่วยเหลือและบริการประชาชน ทั้งนี้ 4 กลุ่มงาน 4 ภารกิจ และใช้ 3 กำลังของกองทัพ

เจาะลึก ผู้พันเบิร์ด กับการทำหน้าที่จิตอาสาช่วยน้ำท่วม

           หนึ่ง สนับสนุนภารกิจของ ศปภ.โดยตรง ขึ้นอยู่กับว่า ศปภ.จะแบ่งงานให้กองทัพเป็นคนดูแลพื้นที่ตรงไหนบ้าง

           สอง ให้การสนับสนุนในทุกจังหวัด และบูรณาการร่วมกันกับผู้ว่าราชการทุกจังหวัด

           สาม เป็นส่วนที่กองทัพจัดตั้งขึ้นมาเอง เมื่อเห็นว่ามีกำลังไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นอาสาสมัคร หน่วยงานราชการ และเอกชน โดยกองทัพจะลงไปช่วยเสริม

          ทั้งนี้ บทบาทหน้าที่ของกำลังทหารในการช่วยเหลือประชาชนแตกต่างกัน  แต่ทำงานด้วยกันทุกคน ผู้บังคับบัญชาระดับสูงวางแผนอำนวยการและแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องต่าง ๆ ในเชิงนโยบาย เพื่อนำสิ่งเหล่านั้นสั่งการลงมาเป็นแนวทางปฏิบัติ ฝ่ายเสนาธิการที่ต่ำลงมาก็จะนำแนวทางปฏิบัติเหล่านั้นมาแปลงให้เป็นข้อ ปฏิบัติ และข้อปฏิบัติต่าง ๆ ของฝ่ายเสนาธิการจะถูกสั่งการมาที่หน่วยปฏิบัติ โดยหน่วยปฏิบัติก็คือหน่วยที่เราเห็นในพื้นที่ทั้งหมดตามภาพข่าว ซึ่งหน่วยปฏิบัติก็จะนำมาปฏิบัติให้เกิดภาพขึ้นมา เพราะฉะนั้นงานในปัจจุบันประสบความสำเร็จได้ อันดับแรกเลยมาจากการวางแผนและอำนวยการ จึงทำให้ทุกอย่างแก้ไขได้ทันเวลา

 นอก จากการทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์แล้วยังเห็นผู้พันเบิร์ดลงไปช่วยในพื้นที่ อย่างเต็มตัว ซึ่งคงไม่ใช่เป็นเพราะคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเดียว

          ผู้พันเบิร์ด : ผมแยกเป็นสองแบบ แบบแรกคือมันเกิดขึ้นจากการเลี้ยงดูและการเติบโตในครอบครัว บวกกับเดิมเป็นคนที่ชอบทำด้านนี้อยู่แล้ว อย่างที่สองคือ หน้าที่  เพราะผมมีความสุขกับการทำหน้าที่ในความเป็นทหาร ที่จะลงไปช่วยเหลือประชาชน สองส่วนนี้บวกกันผมก็ลงไปทำงานตามปกติด้วยความเต็มใจ แต่ที่ต้องแยกออกเป็นสองแบบนั้น เพราะผมไม่รู้จักปัจจัยพื้นฐานของน้องทหารบางคน แต่เขาทำเพราะเป็นหน้าที่ ส่วนที่แยกด้วยครอบครัวหรือจิตใจตัวตนจริง ๆ  จะมองได้จากจิตอาสาอื่น ๆ น้อง ๆ เรา เด็กวัยรุ่น นิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไปที่มาช่วยโดยที่เขาคิดว่ามันคือจิตอาสา อันนี้คือพื้นฐานจิตใจของตัวเขาเอง  อีกส่วนหนึ่งคือน้องทหารบางคนก่อนที่จะมาเป็นทหารเขาติดยาเสพติดมาก่อน  เขามาเป็นทหาร เพราะแม่อยากให้เลิกยาเสพติด เขาไม่คิดที่จะเป็นทหารด้วยซ้ำ และตัวเขาเองก็คิดหนีหลายครั้ง แต่ก็เห็นว่ามันใกล้จะปลดแล้วก็เลยไม่หนี  แต่พอมาช่วยเหลือผู้ประสบภัย เขาบอกกับผมว่าเขาค้นพบตัวเองเจอและมีความสุข และก็บอกว่าไม่คิดว่าจะได้มาช่วยเหลือคนจำนวนมากมายขนาดนี้ พอได้ช่วยแล้วเขาดีใจ ซึ่งมันเกิดขึ้นจากหน้าที่ของเขา มันเกิดจากความสำนึกในหน้าที่

          สองส่วนนี้จริง ๆ แล้วอยู่ในตัวผม ดังนั้น จิต อาสาไม่ใช่เพียงการสมัครใจ  แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน และจิตอาสาไม่ใช่แฟชั่นหรือความเท่ที่วันไหนอยากมาช่วยก็มา วันไหนไม่อยากมาช่วยก็ไม่มา ซึ่งปัจจุบันคนคิดว่าเป็นแฟชั่น แต่ผมบอกว่ามันไม่ใช่นะ สิ่งที่ทำมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ภัยรูปแบบใหม่เป็นหน้าที่ของคนไทยและใกล้ตัวคนไทยทุกคน เช่น ภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติ ไม่ใช่เพราะน้ำท่วมอย่างเดียว ไฟไหม้ป่า ดินถล่ม แผ่นดินไหว ภัยแล้ง ภัยหนาว ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของคนไทยที่ต้องช่วยเหลือกันอยู่ดี ภัยยาเสพติด  ภัยเกี่ยวกับการก่อการร้ายข้ามชาติ แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ภัยเรื่องของการแตกความสามัคคี ภัยในเรื่องการเสื่อมความศรัทธาในเจ้าหน้าที่รัฐ ภัยในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติจนเกินความสมดุล สุดท้ายก็คือหน้าที่ของทุกคนที่ต้องต่อสู้กับภัยเหล่านี้

 โจทย์ แรกที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพสร้างภาพลักษณ์ แต่เมื่อได้ลงไปในช่วยประชาชนจริง ๆ จะต้องจัดสมดุลระหว่างหน้าที่และตัวตนมากน้อยแค่ไหน

          ผู้พันเบิร์ด : หน้าที่ของผมมีด้วยกันสามอย่าง หนึ่ง คือทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ สองทำความเข้าใจกับประชาชนในวงกว้างที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ และสามคือให้กำลังใจกับทหารด้วยกันเอง พร้อมกับนำข้อเสนอแนะปัญหาต่าง ๆ ที่ได้รับมาแก้ไข งานทั้งสามส่วนเกิดขึ้น เราไม่ได้ถือโอกาสปรับทัศนคติของคนเท่านั้น แต่กองทัพทำงานเหมือนเดิมเป็นแนวเดียวมาโดยตลอด ไม่ว่าสถานการณ์จะเกิดขึ้น คือ คนชอบรัฐบาล คนชอบทหาร คนชอบรัฐบาล คนไม่ชอบทหาร หรือคนไม่ชอบรัฐบาล คนชอบทหาร หรือคนไม่ชอบรัฐบาล คนไม่ชอบทหาร ทหารก็ยังทำงานเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าครั้งนี้มันเกิดอะไรขึ้นเราต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้มาก ขึ้น

          ภาพเหตุการณ์การชุมนุมที่ผ่านมาบางคนมองแล้วเข้าใจ แต่บางคนก็ไม่เข้าใจ แต่พอคนไม่เข้าใจปุ๊บการทำงานของทหารอีกหลาย ๆ ส่วนเกิดข้อขัดข้อง  แต่เขาลืมไปว่ามีทหารที่เป็นหมอ เป็นหน่วยบริการทางการแพทย์ เป็นหน่วยงานบริการสาธารณะอื่น ๆ สร้างถนน สร้างน้ำประปา สร้างหมู่บ้าน สร้างเขื่อน  สร้างฝาย ขุดลอกคูคลอง หรือแม้กระทั่งหน่วยจิตวิทยาเล่นดนตรีปลอบขวัญมีเปอร์เซ็นต์มากกว่าที่ถือ อาวุธ บางคนเวลาเห็นหน่วยงานทหารลงไปรักษาไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าจะรักษาจริง ๆ สิ่งเหล่านี้จึงจำเป็นที่จะต้องมีการบอกกล่าวให้เข้าใจ

 ใน ยามวิกฤติจะเห็นว่ากองทัพเป็นองค์กรที่มีความพร้อมช่วยเหลือประชาชนมากที่ สุด ประสบการณ์ที่ได้จากอุทกภัยหนนี้กองทัพต้องนำไปสรุปบทเรียนเพื่อรับมือกับ ภารกิจในอนาคต

          ผู้พันเบิร์ด : แนว ทางที่เราจะทำต่อไป ซึ่งเราก็ทำมานานแล้ว แต่ไม่เข้มข้น ภาพที่เห็นไม่เข้มข้นนั้น เนื่องจากยังไม่เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นมากนัก และเมื่อเราได้เห็นผลกระทบแล้วเราจะให้ความสำคัญในเรื่องการปลูกฝัง อุดมการณ์ในการช่วยเหลือประชาชนมากขึ้น ในส่วนของการฝึกตั้งแต่พลทหาร นักเรียนนายสิบ นักเรียนนายร้อย เรามุ่งไปที่บุคลากรทรัพยากร เราจะมุ่งไปที่ทรัพยากรของกองทัพในระดับที่เราปลูกฝังอยู่ตอนนี้มากขึ้น เพื่อให้เวลาเขาออกมาทำปฏิบัติหน้าที่ จริง ๆ แล้วเขาจะได้ตระหนักถึงประชาชนเป็นเรื่องแรก แต่ขณะเดียวกันภัยคุกคามรูปแบบเดิมเราก็ไม่ได้ย่อหย่อน และสิ่งที่จะบอกต่อไปคือ เราต้องการให้ประชาชนได้ทำความเข้าใจกับภารกิจที่เขาเคยรู้เรื่องการรบให้ มากขึ้น  เหมือนกับที่ประชาชนเข้าใจแล้วว่าเราลงมาช่วยประชาชน

          ตอนนี้เรามีหน้าที่ที่จะต้องประชาสัมพันธ์เรื่องการฝึกที่จะรบ และจะรบแบบที่ฝึก คือ อยากให้เขาเข้าใจถึงปัญหาว่าภัยคุกคามในบ้านเรามีอะไรบ้างที่เป็นเรื่อง ของการรบ เพราะในระหว่างที่เราน้ำท่วมอยู่เหตุการณ์ทางภาคใต้เกิดขึ้นทุกวัน และการที่เราอยู่แนวชายแดนก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องรบอย่างเดียว การ ลักลอบตัดไม้ การขโมยรถออกไปขายตามแนวชายแดน การขนยาเสพติดเข้ามา หรือเช่นบางหน่วยเขารับและกินอาหารเดือนละสองครั้งทางเฮลิคอปเตอร์ และอาหารที่ได้ก็ไม่เพียงพอในการทำงานอยู่ในพื้นที่ หรือบางครั้งก็ไม่ได้เลย เพราะอากาศปิดไปส่งอาหารไม่ได้ ต้องเลื่อนไปเป็นวันอื่น เขาก็ต้องปลูกผักกินเองในป่า และเวลาเราลงไปเยี่ยมเขาในพื้นที่เขาก็ยิ้มแย้มมีกำลังใจดี แต่ในขณะที่คุณกำลังกินอาหารอย่างอิ่มหนำสำราญ

เจาะลึก ผู้พันเบิร์ด กับการทำหน้าที่จิตอาสาช่วยน้ำท่วม

 เมื่อถามว่าอะไรคืออุปสรรคที่พบมากที่สุด เรากลับได้ยินคำตอบที่คิดไม่ถึง

          ผู้พันเบิร์ด : ข่าว สารสำคัญที่สุด เพราะถ้าข้อมูลข่าวสารดี อย่างอื่นก็ไม่ใช่อุปสรรค  เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะการไม่มีข้อมูลอย่างเดียว พอไม่มีข้อมูลประชาชนเขาก็ไม่รู้จะเตรียมตัวอย่างไร พอประชาชนไม่รู้จะเตรียมตัวอย่างไร  มันเลยเกิดความเดือดร้อนเยอะ ผมเองก็ต้องศึกษาหาข้อมูลของตัวเองเหมือนกัน คือผมจะให้ความสำคัญกับสองส่วน ทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสาร เป็นหน้าที่ของทั้งคู่ที่จะต้องพยายามทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลมีข้อมูลที่ไม่แม่นยำ แต่การสื่อสารลงไปถึงประชาชนใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้อง

          ตัวที่จะนำสารไปอาจจะไม่ตรง เช่น รัฐบาลมีข้อมูลแล้วรัฐบาลสื่อสารในส่วนของข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ชาวบ้านอาจจะไม่รู้ข้อมูลนี้ เพราะชาวบ้านเข้าไม่ถึง ฉะนั้นผมจึงนำเสนอเป็นสองแนวคือ คนส่งสารและคนรับสาร คนส่งสารมีหน้าที่คือจะต้องนำสารไปถึงผู้รับสารให้ได้ ในขณะเดียวกันผู้รับสารก็ต้องขวนขวายหาข่าวสาร บางคนไม่ขวนขวายนั่งคอยอย่างเดียวว่าเมื่อไหร่จะรู้ข่าวตรงนั้นตรงนี้ การ ส่งสารถ้าทีวีดูไม่ได้อาจจะใช้วิธีดั้งเดิม เช่น ใช้รถแห่ประกาศ หรือป้ายติดบอร์ดประกาศ หรือบางคนอ่านหนังสือไม่ออกก็ต้องฟัง บางคนหูไม่ได้ยินก็ต้องอ่าน

 ตอนนี้ผู้พันเบิร์ดถูกแปะฉลากเป็นทหารประชาสัมพันธ์ไปแล้ว

          ผู้พันเบิร์ด : ทหาร ที่จบจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ทุกคนต้องการที่จะได้คุมกำลัง ถามเป้าหมายของผมคือผมอยากเป็น ผบ.ทบ. ในปัจจุบันเมื่อการรบเปลี่ยน ทหารจะต้องรบได้ในทุกสมรภูมิ ถามว่าอยากทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ไหม อยาก เพราะสนามรบมันมีอีกแบบหนึ่งแล้ว ผมก็อยากจะเป็นคนหนึ่งที่สามารถรบได้ทุกสนามรบ เป้าหมายของผมคือรบในพื้นที่ชายแดนรบได้ รบแบบจับอาวุธรบ ซึ่งผมมั่นใจว่าศักยภาพตัวผมเองไม่ย่อหย่อนไปกว่าใครเลย  เมื่อได้มีโอกาสมาทำงานด้านประชาสัมพันธ์ก็เป็นเรื่องดีที่ตัวผมเองมีความ สามารถที่จะช่วยเหลือกองทัพได้ในอีกแง่มุมหนึ่งที่เราเห็นว่ากองทัพจะต้อง ยืนหยัดอยู่ได้ทั้งงานด้านประชาสัมพันธ์ด้วยและงานด้านยุทธการด้วย งานข่าว กำลังคน มันต้องอยู่ได้ด้วยตัวของมัน ภารกิจการพลเรือนก็เป็นหน่วยงานที่เสริมให้กองทัพมีความเข้มแข็ง

 แต่ภาพลักษณ์ที่เป็นอยู่กับเป้าหมายในชีวิตทหารดูเหมือนจะขัดกัน

          ผู้พันเบิร์ด : ไม่ ได้ขัดกันเลย เพราะว่ามันเป็นภาพการมองของบุคคลภายนอก ซึ่งบางคนอาจจะมองผิดไปด้วยซ้ำว่า ผบ.ทบ.คนนี้ขึ้นมาได้อย่างไร ซึ่งผมคิดว่าหลายคนก็อาจไม่รู้ว่า ผบ.ทบ.ขึ้นมาอย่างไร ภาพของบุคคลพลเรือนภายนอกมองทหารอย่างที่หลายคนมองว่าคนที่จะมาเป็นแบบนี้ ได้จะต้องลำดับขั้นมาตั้งแต่แรก แต่ผมคิดว่าก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะผมก็ยอมรับอย่างหนึ่งว่าในส่วนของงานประชาสัมพันธ์หรือว่าการรู้จักกับ คนภายนอกกับหน่วยทหารเองที่ผ่านมาก็ถือว่าน้อยมาก แต่ยืนยันว่าเส้นทางการดำเนินชีวิตของตัวผมเองกับการก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูง ขึ้นทางกองทัพ ไม่ได้ขัดอะไรกัน ยกตัวอย่างเช่น พี่ไก่อู เคยเป็นผู้บังคับกองพันมาก่อน แต่ภาพแกเป็นโฆษกด้วยซ้ำตอนนี้ แต่แกก็สามารถขึ้นเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้ คือ เส้น ทางการเดินของทหารมันก็ไม่มีอะไรแน่นอน แม้กระทั่งบางคนที่เดินเส้นทางสายคอมมานด์มาตลอดชีวิตก็ไม่ได้ขึ้นเป็นผู้ บังคับบัญชาระดับสูงก็มี เพราะว่าเราก็ยอมรับในพีระมิดของกองทัพอยู่แล้ว

          ผมมองว่าการแสดงหนังสมเด็จพระนเรศวรเป็นหน้าที่หนึ่งของกองทัพ  เพราะฉะนั้นการแสดงหนังก็คือส่วนหนึ่งของกองทัพ นั่นคือผมไปทำงาน เพราะว่าสิ่งที่กองทัพได้กลับมาจากการที่ผมไปแสดงภาพยนตร์ เห็นไหมว่าการลงไปช่วยเหลือน้ำท่วมครั้งนี้คนรู้จักจำนวนมาก นี่แหละคือผลพลอยได้ของภาพยนตร์ที่สร้างให้กับกองทัพ เพราะ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ต้องการจะสื่อให้คนเห็นว่าศิลป วัฒนธรรมของชาติมีอะไรบ้าง ต้องการจะสื่อถึงความรักความสามัคคี ความสำนึกในผืนแผ่นดินที่อยู่ เพราะฉะนั้นถือเป็นงานหนึ่งของกองทัพเช่นกัน โดยกองทัพได้ให้การสนับสนุนภาพยนตร์ในเรื่อง หนึ่งนักแสดง สองพื้นที่ถ่ายทำที่จังหวัดกาญจนบุรี สามนักแสดงตัวประกอบทั้งหมดที่เป็นทหารที่อยู่ในภาพยนตร์ สี่อาวุธยุทโธปกรณ์ในการก่อสร้างฉากที่เมืองกาญจนบุรี ดังนั้นจึงถือว่าเป็นงานของกองทัพ และไม่ขัดต่อหน้าที่ของผมเลย เพราะมันคืองาน สิ่งที่ได้คือความสุขทางใจ

 หากกองทัพคิดจะปั้นทหารเป็นดาราก็น่าจะได้ใจชาวบ้านมากขึ้น    

          ผู้พันเบิร์ด : ถ้า เกิดกองทัพปั้นทหารเป็นดาราได้อีกเยอะก็จะปั้น ถ้าเกิดมีคนสนใจที่จะเอาทหารมาเล่นอีกยินดีนะครับ ผมก็มีความยินดี ถามแบบนี้ถูกต้องเลย  เพียงแต่เขาไม่สนใจที่จะเอาทหารไปเล่นเท่านั้นเอง แล้วก็กองทัพจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ถ้าหากคนใดเล็งเห็น เช่น คุณเอ-ศุภชัย เล็งเห็นว่าอยากจะปั้นทหารสักคนเพื่อมาแทน ป๋อ-ณัฐวุฒิ ยินดี ผมรู้จักคุณเอ และรู้จักสายบันเทิงอีกหลาย ๆ คน ซึ่งเป็นผลงานที่ดีมากเลยในการที่เรารู้จักสื่อสายบันเทิงด้วย แต่การเป็นดาราต้องไม่เสียภารกิจหลักด้วย ทุกวันนี้ทหารเขาก็ทำหน้าที่ของเขา แต่ถ้าเขาก็เป็นดาราได้ด้วยโดยที่งานไม่เสีย ได้ดาราเพิ่มอีกสัก 100-200 คน ก็ดีเลย ช่อง 5 จะได้มีดาราเป็นของตัวเองด้วย ดาราคนไหนที่ว่าแข็งแรง ๆ ผมว่าศักยภาพของผมไม่แพ้คนนั้นเลย แต่ถ้าหากคนจะมองภาพกองทัพว่าเป็นกองทัพบันเทิงไปเลยนั้น ก็แสดงว่ากองทัพคงทำงานผิดพลาดแล้ว เพราะว่างานของเราก็คือ ปกป้องอธิปไตยต่อสู้กับภัยคุกคามรูปแบบต่าง แต่ช่องทางบันเทิงคือการสอดแทรกการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจกองทัพมากขึ้น สิ่ง เหล่านี้คือการปรับตัวของกองทัพในเรื่องของสมรภูมิรบที่เปลี่ยนไป ต้องบอกว่าปัจจุบันนี้ถ้าเราไม่เน้นงานมวลชน ภาคใต้หลุดไปนานแล้ว


ขอขอบคุณข้อมูลจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ย้อนวันวานภารกิจอาสาช่วยน้ำท่วมของ ผู้พันเบิร์ด โพสต์เมื่อ 3 มกราคม 2555 เวลา 16:31:15 2,203 อ่าน
TOP
x close