เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ThaiPBS
สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ในวันนี้ (31 มีนาคม) สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เป็นผู้นำในงานเทศกาลเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์ซึ่งถือว่าเป็นวันระลึกถึงวันแห่งความตายขององค์พระเยซูคริสต์ ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์พอดี โดยเทศกาลดังกล่าว ถือว่าเป็นงานพิธีฉลองครั้งแรกสำหรับท่าน หลังจากที่ท่านได้รับเลือกให้เป็นประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก และเทศกาลนี้ได้จัดขึ้นเพื่อให้ประชาชนทุกคนร่วมเฉลิมฉลอง โดยเปิดลานโล่งแจ้งกลางจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน โดยมีพระคาร์ดินัล นักบวช และสาธุชน เข้าร่วมพิธีกันเป็นจำนวนมาก ทั้งในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และลานจัตุรัสด้านหน้ามหาวิหาร
ทั้งนี้ ท่านได้ประทานพรให้กับสาธุชนทุกคนว่า จงเชื่อมั่นกับทุกสิ่งบนโลก และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคนานัปการในการก้าวไปข้างหน้า เพื่อมุ่งสู่หนทางแห่งพระผู้เป็นเจ้า นั่นเอง
เนื่องในเทศกาลนี้ แม่ชีนิกายแองกลิกัน ในประเทศบอสเนีย ช่วยกันตกแข่งไข่หลายร้อยใบ ด้วยการใช้ถุงน่อง เทียนขี้ผึ้ง และใบไม้เล็ก ๆ เพื่อเตรียมไว้แจกคนในชุมชน เนื่องในเทศกาลอีสเตอร์ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 31 มีนาคม
ทั้งนี้ วิธีการทำดังกล่าวคือ ใช้ใบไม้ติดบนเปลือกไข่ แล้วใส่ไว้ในถุงน่อง ก่อนที่จะนำไปต้มในหม้อที่มีส่วนผสมของสมุนไพรหลากชนิด หอมหัวใหญ่ และน้ำ เมื่อสุกแล้วจะได้กลายเป็นสีสนิม ยกเว้นบริเวณที่ใบไม้ติดอยู่ และเพื่อให้ไข่น่าดึงดูดใจสำหรับเด็กมากขึ้น แม่ชีจึงติดด้าย เศษกระดาษ และเศษผ้าลงไปบนเปลือกไข่ด้วย และมีการใช้ขี้ผึ้งวาดลวดลายลงบนเปลือกไข่ แล้วจึงระบายสี ก่อนที่จะนำไปอบเพื่อทำให้ขี้ผึ้งละลาย ซึ่งแม่ชีบอกว่าเทคนิคทำลวดลาย โดยใช้ขี้ผึ้งเป็นหนึ่งในเทคนิคที่เก่าแก่ที่สุด ที่ใช้ในบอสเนีย
สำหรับเทศกาลอีสเตอร์ เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญมากที่สุดในศาสนาคริสต์ วันอีสเตอร์เป็นวันเฉลิมฉลองการคืนพระชนม์ของพระเยซูหลังจากที่ทรงถูกตรึงกางเขนและสิ้นพระชนม์ไปแล้วสามวัน โดยวันที่จะเปลี่ยนไปในแต่ละปีแต่กำหนดให้ทุกปีต้องจัดขึ้นในวันอาทิตย์ (เพราะเป็นวันที่ทรงถูกตรึงกางเขนตามพระคัมภีร์) เรียก วันอีสเตอร์
ในส่วนของไข่อีสเตอร์นั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งการเกิดตามความเชื่อในตำนานมาเป็นพัน ๆ ปี คาดว่าชาวคริสต์รับเอาไข่มาเป็นส่วนหนึ่งในธรรมเนียมเทศกาลอีสเตอร์ในช่วงศตวรรษที่ 13 ไข่แดงในเปลือกเป็นสัญลักษณ์แทนการปรากฏตัวของพระคริสต์จากหลุมฝั่งพระศพ และย้อมเปลือกไข่เป็นสีแดงเพื่อแทนพระโลหิตที่พระคริสต์ต้องสูญเสียไปบนไม้กางเขน
