เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบโดย JUNG YEON-JE / AFP , navaltoday.com
เกาหลีเหนือ เตือนสถานทูตในกรุงเปียงยางอพยพออกไปภายใน 10 เมษายนนี้ ลั่น ไม่รับประกันความปลอดภัย
เมื่อวันที่ 5 เมษายน สำนักข่าวยอนฮัป ของเกาหลีใต้ รายงานจากกรุงโซลว่า กองทัพเรือของเกาหลีใต้ได้ส่งเรือพิฆาตแอกิส ขนาด 7,600 ตัน 2 ลำ พร้อมเรดาร์ SPY-1 ซึ่งสามารถติดตามเป้าหมายนับร้อยได้ในระยะ 1,000 กิโลเมตร ไปประจำการยังชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของคาบสมุทรเกาหลี เพื่อติดตามการปล่อยขีปนาวุธจากเปียงยางแล้ว หลังเกาหลีเหนือเคลื่อนกำลังขีปนาวุธพิสัยกลางเข้ามาใกล้ชายฝั่งตะวันออก ซึ่งหากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ เรดาร์ SPY-1 ก็จะสามารถติดตามวิถีของมันได้ทันที
นอกจากนี้ กองทัพของเกาหลีใต้ยังคงดำเนินการป้องกันขีปนาวุธจากภาคพื้นดินด้วยระบบเรดาร์ Green Pine หลังจากที่มีคำเตือนให้มีการเตรียมพร้อมด้านการทหารเพื่อรับมือการปล่อยจรวดของเกาหลีเหนือ
ขณะเดียวกันกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ได้ส่งหน่วยเข้าไปตรวจสอบที่แนวชายแดนบนเกาะยอนปยอง เพื่อจับตามองผู้อพยพชาวเกาหลีเหนือที่ข้ามฝั่งมาท่ามกลางความตึงเครียดของชายแดนฝั่งทะเลตะวันตก ซึ่งการที่พวกเขาสามารถเล็ดลอดจากการตรวจจับของเรดาร์มาได้นั้นก็ได้ก่อให้เกิดความกังวลด้านความปลอดภัยของชายแดนในยามนี้ แต่การตรวจสอบนั้นคืบหน้าไปอย่างมาก และหลังจากนี้ทางกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ก็จะนำข้อมูลมาเสริมสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ชายแดนต่อไป
ต่อมาในวันที่ 6 เมษายน เว็บไซต์อินดิเพนเดนท์ ของอังกฤษ รายงานว่า สถานทูตของอังกฤษและประเทศอื่น ๆ ในเปียงยาง เกาหลีเหนือ ได้รับคำเตือนจากกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีเหนือให้อพยพนักการทูตของพวกเขาออกไป ภายในวันที่ 10 เมษายนนี้ โดยที่เกาหลีเหนือจะให้ความช่วยเหลือในการอพยพ เนื่องจากเกาหลีเหนือไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของพวกเขาได้อีก
สำหรับการเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือในครั้งนี้ ได้ถูกจับตาด้วยความประหลาดใจโดยประชาคมความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งได้ตีความว่าเกาหลีเหนือพยายามที่จะเพิ่มความตึงเครียด และเพิ่มความจริงจังในด้านการทหารของตัวเอง
ด้านไมเคิล กริฟฟอร์ด เอกอัคราชทูตจากอังกฤษคนปัจจุบัน พร้อมภรรยาได้พักอาศัยอยู่ในเกาหลีเหนือมานานกว่า 6 เดือนแล้ว ด้านกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ ได้เน้นว่า เกาหลีเหนือมีความรับผิดชอบภายใต้อนุสัญญากรุงเวียนนาที่จะปกป้องภารกิจของนักการทูต และอังกฤษก็เชื่อว่า เกาหลีเหนือทำเช่นนี้เพื่อโน้มน้าวว่าสหรัฐฯ จะเป็นภัยคุกคามแก่พวกเขา
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ เผยว่า "เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลของเกาหลีเหนือได้เพิ่มความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี และประเทศภูมิภาคด้วยสารข่มขู่ต่าง ๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อการยั่วยุปลุกปั่น ทางอังกฤษจึงขอประณามการกระทำของรัฐบาลเกาหลีเหนือ และเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหันมาทำงานที่สร้างสรรค์ร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศซึ่งรวมถึงสถานทูตจากประเทศต่าง ๆ จะดีกว่า"
ขณะที่ เซอร์เก้ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ซึ่งมีสถานทูตในเปียงยาง เผยว่าพวกเขาก็ได้รับคำเตือนให้อพยพนักการทูตออกเช่นกัน ซึ่งทางรัสเซียก็ได้ติดต่อกับมิตรอย่างจีน รวมทั้งสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นแล้ว โดยเขาระบุว่า ทางรัสเซียรู้สึกเป็นห่วงอย่างมากเกี่ยวกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง่ในตอนนี้มันยังเป็นเพียงแค่คำขู่เท่านั้น ด้าน สาธารณรัฐเช็ก โรมาเนีย โปแลนด์ บัลแกเรีย และอินเดีย ซึ่งยังมีนักการทูตอยู่ในเกาหลีเหนือก็ระบุว่าพวกเขาจะชั่งน้ำหนักของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างระมัดระวัง
แม้ว่าจีนซึ่งเคยเป็นมิตรของเกาหลีเหนือก็ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองต่อพฤติกรรมของเกาหนีเหนืออย่างเห็นได้ชัด แต่อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือก็ยังได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านอยู่ โดย นายพลจัตวา มาซุด จาซาเยริ หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธของอิหร่าน โทษว่าความตึงเครียดครั้งนี้เกิดขึ้นจากความโลภของสหรัฐ ที่บีบคั้นเกาหลีเหนือและประเทศต่าง ๆ ซึ่งไม่สนับสนุนสหรัฐฯ เอง