เปิดชีวิต กู้ภัยหน้าผี จิตใจเทวดา อาสาทำดี จนวันตาย




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ CH8vdo สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

          จากอุบัติเหตุรุนแรงที่เคยเกือบพรากชีวิต ได้สร้างแรงบันดาลใจให้คน ๆ หนึ่งมุ่งมั่นที่จะก้าวเดินไปบนเส้นทางของการมอบความช่วยเหลือให้ผู้อื่น แม้จะได้รับฉายากู้ภัยหน้าผี แต่ด้วยจิตใจที่เปรียประดุจเทวดา ทำให้เขามุ่งมั่นอาสาทำดีจนวันตาย

          สำหรับผู้ที่ทำงานอยู่ในวงการอาสากู้ภัย "กู้ภัยหน้าผี" คงจะเป็นชื่อที่คนไม่น้อยคงจะเคยได้ยินกันบ่อยครั้ง แต่อย่างไรก็ตามด้วยจิตใจที่มุ่งจะทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอของเขา ทำให้ผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากเขา ยกให้เขาเป็นกู้ภัยเทวดา ซึ่งทางรายการปากโป้ง ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ก็ได้เชิญ นายทนุธรรม จันโทกุล วัย 56 ปี เจ้าของฉายาดังกล่าวมาร่วมพูดคุยในรายการ ในเทปที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

          โดยนายทนุธรรม หรือที่คนในทีมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเรียกเค้าว่า ป๋า นั้น ได้เล่าย้อนไปยังจุดกำเนิดของการเสียโฉมและแรงบันดาลใจให้เข้ามาทำงานร่วมกับมูลนิธิว่า ในปี พ.ศ. 2533 ตัวเขานั้นได้รับอุบัติเหตุถูกไฟคลอกร่างครึ่งบนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากอุบัติเหตุรถบรรทุกแก๊สระเบิดบนถนนเพชรบุรี และหมดสติไป จากนั้นเมื่อเขาฟื้นขึ้นที่โรงพยาบาลก็ได้ทราบว่ามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ก็คือผู้ที่ช่วยชีวิต นำเขามาส่งโรงพยาบาลนั่นเอง

          และจากความช่วยเหลือที่ได้รับ ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจซึ่งทำให้นายทนุธรรมต้องการที่จะทำงานกับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งแม้ว่าอาการบาดเจ็บจะทำลายร่างกายของเขาไปถึง 40% จนแพทย์สั่งให้เขารักษาตัวต่อในโรงพยาบาลอย่างน้อย 4 ปี แต่หลังจาก 4 เดือนของการรักษาตัวในโรงพยาบาล และผ่านการผ่าตัดมาถึง 9 ครั้ง นายทนุธรรมก็หนีออกจากโรงพยาบาล และตั้งใจจะเข้าไปทำงานที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

          แต่อย่างไรก็ตาม การได้เข้าไปอยู่ในมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นายทนุธรรมจึงตัดสินใจไปทำงานเป็นผู้บริหารในสถานีวิทยุฉิมพลี ร่วมกับเพื่อน ๆ คนรู้จัก และได้เข้าอบรมรับใบอนุญาตให้สามารถลงพื้นที่ช่วยเหลือคนได้ ซึ่งก็ทำอยู่เป็นเวลาสิบกว่าปี ก่อนที่จะมีผู้ช่วยเข้ามาร่วมงานกับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งในที่สุด



          แม้ว่าในช่วงแรกของการทำงานในมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นายทนุธรรมจะต้องเผชิญกับคำสบประมาทจากเพื่อนร่วมงานว่า สภาพของเขาที่หูซ้ายไม่ได้ยิน ตาขวามองไม่เห็น และร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของนั้นสมควรจะนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน แต่นายทนุธรรมก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ และยังคงมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้คนต่อไป

          โดย นายเบิ้ม เพื่อนร่วมงานของนายทนุธรรมเผยว่า ไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก เขามักจะเห็นนายทนุธรรมขี่มอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์เข้ามาถึงที่เกิดเหตุเป็นคนแรกเสมอ ซึ่งสภาพนั้นทำให้น้อง ๆ ในมูลนิธิตั้งฉายาให้นายทนุธรรมว่าเป็น โกสต์ไรเดอร์ และไม่เพียงเท่านั้น ในช่วงที่น้ำท่วมเมื่อ 2 ปีก่อนนายทนุธรรมก็ได้ลงไปลุยพื้นที่น้ำท่วม และคอยลากจูงศพของคนต่าง ๆ ลอยมาตามน้ำ ซึ่งสิ่งนี้เป็นหน้าที่ที่ไม่มีใครยอมทำ แต่นายทนุธรรมนั้นกลับเต็มใจที่จะทำ เรียกได้ว่าถ้ามีน้ำท่วมทุกคนต้องโทรหาเขาคนนี้

          "น้ำท่วมทีไรทุกคนต้องโทรหาป๋า สำหรับเหตุการณ์ที่ถือว่าลำบากที่สุดนั้น ก็คือตอนที่เราออกรถเอาของไปให้ชาวบ้านผู้ประสบภัย ซึ่งตอนไปสามารถขับรถไปได้เพราะน้ำยังไม่ขึ้น แต่ขากลับน้ำท่วมสูงแล้วขับรถออกไปไม่ได้ ก็ต้องลงมาช่วยกันลากจูงรถไปจนผ่านไปได้ในที่สุด" นายเบิ้มเผย

          ขณะที่นายทนุธรรมเผยความรู้สึกว่า "ไม่เหนื่อยกับการทำหน้าที่นี้ เพราะช่วยคนแล้วสบายใจ และเราก็นับถืออากงซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของมูลนิธิด้วย ก่อนหน้านับถืออากงตอนนั้นไม่มีอะไรเลย เคยทำงานก็ถูกหุ้นส่วนโกง แต่หลังจากนับถืออากง เราก็คิดว่าตัวเองทำดีไม่ได้โกงใคร ก็อยู่ได้อย่างสบาย ๆ เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ได้ และเราต้องมีความกตัญญู"

          และเมื่อถามถึงเหตุการณ์ที่ทำให้จากกู้ภัยหน้าผี กลายเป็นกู้ภัยเทวดา นั้น นายทนุธรรมเล่าว่า "ในช่วงน้ำท่วมขณะที่ออกไปทำงานกู้ภัยนั้นมีสื่อมวลชนมาถ่ายทำ ซึ่งเขาก็เรียกผมว่ากู้ภัยหน้าผี ผมก็เฉย ๆ ไม่ได้โกรธ แต่ชาวบ้านกลับโกรธแทนและให้เรียกว่ากู้ภัยเทวดา เพราะผมเป็นคนเดียวที่เข้าไปช่วยเหลือพวกเขาที่เดือดร้อน ชาวบ้านจึงเห็นเหมือนเป็นเทวดา แต่สำหรับผมใครจะเรียกอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น"



          แต่ถึงอย่างนั้น ก็เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่นายทนุธรรมเกิดความรู้สึกอยากจะเลิกทำอาสากู้ภัย หลังจากที่เขาออกเดินทางไปช่วยคนอื่น แต่บ้านของเขากลับโดนน้ำท่วมกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมด ทำให้เกิดความคิดว่า เขาช่วยคนอื่นแต่ทำไมเขากลับโดนน้ำท่วมเสียเอง แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากได้รับกำลังใจจากเพื่อนร่วมงาน นายทนุธรรมก็ตัดสินใจนำเงิน 30,000 บาท ซึ่งเป็นเงินก้อนสุดท้ายมาเลี้ยงอาหารผู้ประสบภัยแทน โดยมีคนอื่น ๆ คอยช่วยหาทุนและวัตถุดิบเพิ่มเติมให้

          และนายทนุธรรมยังเผยว่า จริง ๆ แล้วที่มีเรื่องราวของกู้ภัยแย่งกันช่วยผู้บาดเจ็บกันนั้น จริง ๆ แล้วเป็นเพราะบางโรงพยาบาลมีการจ่ายค่าเคสให้ โดยดูจากอาการของผู้บาดเจ็บแล้วจ่ายให้เป็นสัดส่วน ทำให้อาสากู้ภัยบางคนต้องการเงินตรงนั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วกู้ภัยควรจะนำผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แทนที่จะมานึกถึงประโยชน์ของตัวเอง และเขาก็อยากฝากวอนโรงพยาบาลต่าง ๆ ให้นึกถึงผู้บาดเจ็บเป็นสำคัญด้วย

          อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกที่ทำงานกู้ภัยนั้น แม่ของนายทนุธรรมก็รู้สึกไม่พอใจ และโกรธเขาอย่างมาก เพราะงานกู้ภัยเป็นงานอาสาที่ทำด้วยใจ โดยที่ไม่มีเงินเดือน ดังนั้นทั้งค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน จะต้องออกเองหมด และก็เหนื่อยมากด้วย ซึ่งเขาเองก็คิดว่าทุกสิ่งที่ให้ไปคือการทำบุญ แต่แล้ววันหนึ่ง ยายของเขาก็ได้โทรศัพท์มาเล่าเรื่องเด็กหญิงยอดกตัญญูในนครสวรรค์ที่นายทนุธรรมเข้าไปช่วยเหลือให้แม่ฟัง แม่ของเขาก็เดินทางไปดู และก็ต้องร้องไห้ทันทีเมื่อเด็ก ๆ ทั้งโรงเรียนต่างเรียกนายทนุธรรมว่าพ่อ เพราะเขาเต็มใจช่วยเหลือเด็กยากจน และถ้าโรงเรียนไหนที่ยากจน นายทนุธรรมก็บอกด้วยว่าให้ส่งข้อมูลมาหาเขาได้เลย

          หากถามว่าเสียใจไหมที่ใบหน้าเป็นเช่นนี้ เขาบอกเลยว่าไม่เสียใจและทำใจได้ โดยคิดว่าคงเป็นเพราะผลกรรมเก่าที่ตอนเด็ก ๆ เคยนำน้ำร้อนไปลวกงูไว้ สำหรับงานในมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนี้ เขาก็ทำมาได้ 4 ปีแล้ว และตั้งใจว่าจะทำต่อไปจนวันตาย



 
รายการ ปากโป้ง โพสต์โดย คุณ CH8vdo สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม


 
รายการ ปากโป้ง โพสต์โดย คุณ CH8vdo สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดชีวิต กู้ภัยหน้าผี จิตใจเทวดา อาสาทำดี จนวันตาย โพสต์เมื่อ 1 มิถุนายน 2556 เวลา 13:58:51 5,862 อ่าน
TOP
x close