หนุ่มญี่ปุ่น โพสต์เตือนคนไทย อาจแห้วงานเพราะเฟซบุ๊ก ชี้ บริษัทญี่ปุ่นปัจจุบันล้วนตรวจสอบอย่างเข้มงวด ดังนั้นโซเชียลเน็ตเวิร์ก อาจเป็นดาบสองคมได้เช่นกัน
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก Akihiro Koki Tomikawa ของหนุ่มญี่ปุ่นที่เคยโพสต์เรื่องแท็กซี่ไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีการเขียนข้อความเตือนคนไทยที่กำลังหางานทำในญีปุ่นว่า ตอนนี้การสมัครงานบริษัทต่าง ๆ ล้วนตรวจสอบถึงเฟซบุ๊ก และสืบประวัติอย่างละเอียด ดังนั้นอาจจะไม่ได้งานเพราะเฟซบุ๊กได้
สำหรับข้อความทั้งหมด มีดังนี้
สำหรับวัยรุ่นที่กำลังหางานทำในญี่ปุ่นนะครับ
เมื่อวันก่อน ผมได้รับข้อความจากชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาบอกว่า "ผมได้สัมภาษณ์งานที่ญี่ปุ่น และพวกเขาบอกผมว่า "ตัดสินใจอย่างไม่เป็นทางการ" ผมเลยเตรียมตัวจะไปญี่ปุ่น แต่เมื่อสักครู่ บริษัทก็ปฏิเสธที่จะจ้างผม"
ผมโมโหที่บริษัททำแบบนั้นกับเขา ผมเลยโทรหาบริษัท แต่บริษัทพูดแค่ว่า "เรามีการตรวจสอบด้วยตัวเอง และเราก็ไม่สามารถจะบอกเหตุผลได้ว่าทำไมถึงปฏิเสธเขา"
แต่ชายคนนั้นซึ่งผมจะเรียกว่า A นะครับ เขาบอกว่าคนที่สัมภาษณ์ของบริษัทบอกกับเขาว่า "เราต้องการคุณ กรุณามาที่ญี่ปุ่น" ถึงอย่างนั้น สุดท้ายแล้วเขาก็ถูกปฏิเสธ ทำไมละครับ?
ปัจจุบันบริษัทญี่ปุ่นหลายบริษัทต้องการคนรุ่นใหม่ของไทยที่จบมหาวิทยาลัยเข้าทำงาน ผมดีใจนะครับ ในฐานะที่ผมก็รักเมืองไทยคนหนึ่ง เวลาที่ผมเห็นเด็กวัยรุ่นไทยทำงานที่นี่ ผมก็รู้สึกดี แต่ทำไมบริษัทถึงปฏิเสธ A?
ผมจึงขอดูเฟสบุ๊คของเขา ผมก็ไม่สามารถจะพูดได้นะครับว่าในเฟสบุ๊คเขามีอะไร แต่พูดได้แค่ตอนที่ผมเห็น ผมก็ตกใจและ "ฮืมมมมมมม" (ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาเป็นใครนะครับ ผมจึงไม่สามารถจะบอกได้ว่าคืออะไร)
ผมก็ไม่รู้ว่าที่บริษัทปฏิเสธเหตุผลเพราะเฟสบุ๊คหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรนอกจากนี้ ผมจำได้ที่บริษัทบอกผมคำหนึ่ง "เราจะตรวจสอบมากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้"
บางทีทางบริษัทอาจจะหาข้อมูลทางอินเตอร์เนตก็ได้ครับ ผมจึงอยากบอกวัยรุ่นไทยนะครับ "ให้ระวัง" จนกว่าจะได้งานทำ
ผมทราบว่าคนไทยบางคนก็ใช้ชื่ออื่นในเฟสบุ๊ค แต่บริษัทญี่ปุ่นก็ตรวจสอบอย่างมากครับ ถึงจะเป็นคนไทยแต่บริษัทก็ตรวจสอบเหมือนคนญี่ปุ่นครับ อย่างธนาคารบางแห่งของญี่ปุ่นเก็บข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าอย่างที่สุด พวกเขาจึงตรวจสอบภูมิหลังอย่างมาก
บริษัทส่วนใหญ่จะไม่บอกว่าครับว่ามีวิธีตรวจสอบอย่างไร ผมเลยถามเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง "แน่นอนว่าเราหาชื่อจากอินเตอร์เนตตามปกติ แต่เราจะหามากกว่านั้น"
เขาบอกผมแบบนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าบริษัทต้องการจะทราบเรื่องไหน เพื่อนผมบอกแค่ "แล้วแต่บริษัท บางบริษัทก็ดูความสัมพันธ์ของแฟน งานอดิเรก หลักการทางศาสนา"
ผมคิดว่าโลกโซเชียลมีประโยชน์มากครับ แต่อีกด้านก็อันตรายมากเช่นกัน เวลาที่เรามีความสุข หรือเสียใจ ผมว่าเราก็อยากโพสต์ลงเฟสบุ๊คครับ แต่ว่าเอาไว้หลังจากได้งานทำแล้วจะดีกว่าครับ ระวังกันด้วยนะครับ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Akihiro Koki Tomikawa