พลทหารป่วยโรคหัวใจ แต่กลับต้องคัดเลือกทหาร ความเห็นแพทย์สั่งให้ปลด แต่ระบบล่าช้า พ้อ ทำไมสิทธิของมนุษย์คนหนึ่งจึงถูกมองข้าม เผย มีคนป่วยอีกมากต้องมาเกณฑ์ทหารเพราะกำลังพลไม่พอ
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 พลทหารนายหนึ่งได้เปิดเผยเรื่องราวของตัวเอง โดยระบุว่า ตนป่วยด้วยโรคหัวใจ แต่กลับต้องมาเกณฑ์ทหาร ซึ่งทางแพทย์ลงความเห็นให้ปลดประจำการได้แล้ว แต่เรื่องกลับดำเนินการล่าช้า ด้วยเพราะเรื่องเอกสาร หรืออะไรก็แล้ว ทำไมสิทธิของมนุษย์คนหนึ่งจึงถูกมองข้าม พร้อมเผยว่า มีคนป่วยอีกมากต้องมาเกณฑ์ทหารเพราะกำลังพลไม่พอ
สำหรับรายละเอียด มีดังนี้
- 6-7 ปีก่อน ทหารนายนี้ป่วยด้วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เข้ารับการรักษาโดยการผ่าตัดสอดกล้องทำการจี้คลื่นไฟฟ้าบริเวณหัวใจ
- หลังจากทำการรักษายังมีอาการกำเริบเป็นระยะ ๆ (ซึ่งในกฎหมายการที่ป่วยเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจต้องถูกละเว้น เพราะเป็นโรคที่อันตรายต่อการฝึก)
- เมื่อครบอายุหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย ก็ได้เข้าตรวจคัดกองทหารกองเกิน พร้อมนำเอกสารใบรับรองแพทย์และประวัติการรักษาครบถ้วน ในการตรวจคัดกรองปีแรก ได้ยื่นใบรับรองถูกนำแยกเป็นประเภทที่ 3 ซึ่งหมายความว่าเป็นโรคที่รักษาหายได้ภายใน 1 ปี จะต้องกลับมาทำการตรวจคัดกรองในปีถัดไป
- ต่อมาในปีถัดมาก็ได้เข้ามาตรวจคัดกรองเหมือนปีก่อน ซึ่งในรอบนี้พลทหารนายดังกล่าวตัดสินใจแล้วว่าจะจับใบดำ-ใบแดง เพราะไม่อยากที่จะยื่นใบรับรองแพทย์แล้วต้องกลับมาในปีถัดไปอีก ด้วยเรื่องอายุและการงานที่ต้องรับผิดชอบ
- ผลคือจับได้ใบแดง ทหารเรือผลัด 4 ประจำปี 2563 ต้องเข้ารับราชการในปีถัดไป มีเวลาเตรียมตัวก่อนเข้ารับราชการนาน 9 เดือน
-
เมื่อถึงเวลาเข้ารับราชการทหารกองประจำการ
ได้เตรียมเอกสารใบรับรองแพทย์และประวัติการรักษาไปด้วย
เมื่อได้เข้าไปอยู่ศูนย์ฝึกสัตหีบ ระยะเวลา 40 วัน พลทหารนายดังกล่าวได้ยกมือทุกครั้งที่มีการถามว่าใครมีโรคประจำตัว
จนได้เข้ารับการตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
- แพทย์ด้านหัวใจจึงลงความเห็นให้นำปลด เพราะเป็นโรคที่ขัดต่อการรับราชการทหาร
- เวลา 40 วันที่อยู่ด้านใน พลทหารนายดังกล่าวได้ไปอยู่กองร้อยพยาบาลซึ่งเป็นศูนย์รวมของทหารป่วย สิ่งที่เจอคือมีผู้คนมากมายที่เป็นโรคร้ายแรง เช่น วัณโรค, เอชไอวี, หอบ, จิตเวช, กระดูกสันหลังทับเส้นประสาท, ผ่าตัดคอที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ คนหลายคนอาจจะเป็นชาวบ้านที่ไม่มีความรู้เรื่องการเตรียมเอกสาร บางคนถูกเลือกมาเป็นเพราะเขตนั้น ๆ ขาดกำลังพล (ยัดเงินสัสดีจนเต็ม) จึงต้องนำคนป่วยหนักมาเป็นทหาร
- เหตุการณ์ที่เจอคือมีคนเสียชีวิตในวันแรกหลังลงจากรถบัส เพราะป่วยหนักแต่ต้องออกจากโรงพยาบาลมารับใช้ชาติ
นอกจากนี้พลทหารนายดังกล่าวยังระบุอีกว่า อยากฝากถึงหน่วยงานราชการจากเรื่องราวของตน ตนเป็นประชาชนคนหนึ่งที่ถูกช่องว่างของระบบราชการไทยเล่นงาน และละเมิดสิทธิความเป็นประชาชนคนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนตนหลายคนไม่โชคดีแบบตนที่สามารถลากลับมาเพื่อรักษาตัว
เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉิน แพทย์ทหารไม่สามารถมีเครื่องมือช่วยชีวิตหรืออุปกรณ์การรักษาโรคหัวใจได้ทัน ณ วันนี้อีกราว ๆ 2 เดือนกว่าตนจะครบอายุราชการ ไม่มีหน่วยงานใดหรือฝ่ายใดตามเรื่องนำปลด ซึ่งแพทย์ได้เซ็นปลดเป็นเวลาราว 7 เดือน ตนก็ติดต่อเองทุกช่องทาง อาจจะด้วยเอกสารมากมาย หรือเหตุใดก็แล้วแต่ จึงทำให้สิทธิมนุษย์คนหนึ่งถูกมองข้าม
ตนอยากพูดแทนใครหลายคนที่ถูกระบบราชการที่มีช่องโหว่เล่นงานแบบไม่เป็นธรรมแบบตน และไม่มีโอกาสที่จะสามารถเอาตัวเองเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลซ้ำแบบตน ณ วันที่อยู่ในกรมกอง
สุดท้ายนี้ตนอยากเล่าให้เห็นภาพสั้น ๆ ถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพลทหารที่ป่วยหนัก ๆ พวกเขาไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี และสุขอนามัยในกรมกองต่ำกว่าสิ่งที่เขาควรจะได้รับเพื่อรักษาตัว กับข้าวอาหารต่าง ๆ ไม่ได้สวยหรูอย่างที่เป็นข่าวที่สื่อออกทางโทรทัศน์
ตนเป็นหนึ่งคนที่หมดหวังกับระบบราชการไทยซึ่งไม่มีความเป็นธรรมให้กับประชาชน ง่าย ๆ คือคนรวยรอดไป คนจนใช้กรรมแทน จะให้ง่ายกว่านั้นก็คือรับเงินคนรวย นำคนป่วยหรือคนไม่มีโอกาสและฐานะการเงินเป็นแทน การทุจริตเกิดขึ้นจริง และวันคัดกรองตนเห็นกับตาว่าหลายคนสัสดีเดินไปหา และคนเหล่านั้นกลับบ้านหลังจากนั้น
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 พลทหารนายหนึ่งได้เปิดเผยเรื่องราวของตัวเอง โดยระบุว่า ตนป่วยด้วยโรคหัวใจ แต่กลับต้องมาเกณฑ์ทหาร ซึ่งทางแพทย์ลงความเห็นให้ปลดประจำการได้แล้ว แต่เรื่องกลับดำเนินการล่าช้า ด้วยเพราะเรื่องเอกสาร หรืออะไรก็แล้ว ทำไมสิทธิของมนุษย์คนหนึ่งจึงถูกมองข้าม พร้อมเผยว่า มีคนป่วยอีกมากต้องมาเกณฑ์ทหารเพราะกำลังพลไม่พอ
สำหรับรายละเอียด มีดังนี้
- 6-7 ปีก่อน ทหารนายนี้ป่วยด้วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เข้ารับการรักษาโดยการผ่าตัดสอดกล้องทำการจี้คลื่นไฟฟ้าบริเวณหัวใจ
- หลังจากทำการรักษายังมีอาการกำเริบเป็นระยะ ๆ (ซึ่งในกฎหมายการที่ป่วยเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจต้องถูกละเว้น เพราะเป็นโรคที่อันตรายต่อการฝึก)
- เมื่อครบอายุหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย ก็ได้เข้าตรวจคัดกองทหารกองเกิน พร้อมนำเอกสารใบรับรองแพทย์และประวัติการรักษาครบถ้วน ในการตรวจคัดกรองปีแรก ได้ยื่นใบรับรองถูกนำแยกเป็นประเภทที่ 3 ซึ่งหมายความว่าเป็นโรคที่รักษาหายได้ภายใน 1 ปี จะต้องกลับมาทำการตรวจคัดกรองในปีถัดไป
- ต่อมาในปีถัดมาก็ได้เข้ามาตรวจคัดกรองเหมือนปีก่อน ซึ่งในรอบนี้พลทหารนายดังกล่าวตัดสินใจแล้วว่าจะจับใบดำ-ใบแดง เพราะไม่อยากที่จะยื่นใบรับรองแพทย์แล้วต้องกลับมาในปีถัดไปอีก ด้วยเรื่องอายุและการงานที่ต้องรับผิดชอบ
- ผลคือจับได้ใบแดง ทหารเรือผลัด 4 ประจำปี 2563 ต้องเข้ารับราชการในปีถัดไป มีเวลาเตรียมตัวก่อนเข้ารับราชการนาน 9 เดือน
- แพทย์ด้านหัวใจจึงลงความเห็นให้นำปลด เพราะเป็นโรคที่ขัดต่อการรับราชการทหาร
- เวลา 40 วันที่อยู่ด้านใน พลทหารนายดังกล่าวได้ไปอยู่กองร้อยพยาบาลซึ่งเป็นศูนย์รวมของทหารป่วย สิ่งที่เจอคือมีผู้คนมากมายที่เป็นโรคร้ายแรง เช่น วัณโรค, เอชไอวี, หอบ, จิตเวช, กระดูกสันหลังทับเส้นประสาท, ผ่าตัดคอที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ คนหลายคนอาจจะเป็นชาวบ้านที่ไม่มีความรู้เรื่องการเตรียมเอกสาร บางคนถูกเลือกมาเป็นเพราะเขตนั้น ๆ ขาดกำลังพล (ยัดเงินสัสดีจนเต็ม) จึงต้องนำคนป่วยหนักมาเป็นทหาร
- เหตุการณ์ที่เจอคือมีคนเสียชีวิตในวันแรกหลังลงจากรถบัส เพราะป่วยหนักแต่ต้องออกจากโรงพยาบาลมารับใช้ชาติ
นอกจากนี้พลทหารนายดังกล่าวยังระบุอีกว่า อยากฝากถึงหน่วยงานราชการจากเรื่องราวของตน ตนเป็นประชาชนคนหนึ่งที่ถูกช่องว่างของระบบราชการไทยเล่นงาน และละเมิดสิทธิความเป็นประชาชนคนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนตนหลายคนไม่โชคดีแบบตนที่สามารถลากลับมาเพื่อรักษาตัว
เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉิน แพทย์ทหารไม่สามารถมีเครื่องมือช่วยชีวิตหรืออุปกรณ์การรักษาโรคหัวใจได้ทัน ณ วันนี้อีกราว ๆ 2 เดือนกว่าตนจะครบอายุราชการ ไม่มีหน่วยงานใดหรือฝ่ายใดตามเรื่องนำปลด ซึ่งแพทย์ได้เซ็นปลดเป็นเวลาราว 7 เดือน ตนก็ติดต่อเองทุกช่องทาง อาจจะด้วยเอกสารมากมาย หรือเหตุใดก็แล้วแต่ จึงทำให้สิทธิมนุษย์คนหนึ่งถูกมองข้าม
ตนอยากพูดแทนใครหลายคนที่ถูกระบบราชการที่มีช่องโหว่เล่นงานแบบไม่เป็นธรรมแบบตน และไม่มีโอกาสที่จะสามารถเอาตัวเองเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลซ้ำแบบตน ณ วันที่อยู่ในกรมกอง
สุดท้ายนี้ตนอยากเล่าให้เห็นภาพสั้น ๆ ถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพลทหารที่ป่วยหนัก ๆ พวกเขาไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี และสุขอนามัยในกรมกองต่ำกว่าสิ่งที่เขาควรจะได้รับเพื่อรักษาตัว กับข้าวอาหารต่าง ๆ ไม่ได้สวยหรูอย่างที่เป็นข่าวที่สื่อออกทางโทรทัศน์
ตนเป็นหนึ่งคนที่หมดหวังกับระบบราชการไทยซึ่งไม่มีความเป็นธรรมให้กับประชาชน ง่าย ๆ คือคนรวยรอดไป คนจนใช้กรรมแทน จะให้ง่ายกว่านั้นก็คือรับเงินคนรวย นำคนป่วยหรือคนไม่มีโอกาสและฐานะการเงินเป็นแทน การทุจริตเกิดขึ้นจริง และวันคัดกรองตนเห็นกับตาว่าหลายคนสัสดีเดินไปหา และคนเหล่านั้นกลับบ้านหลังจากนั้น