โฆษกรัฐบาล ยืนยันไม่เคยปิดบังข่าวโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร
ชี้ไทยควบคุมโรคระบาดในสัตว์ได้อย่างดี
เผยเร่งตรวจสอบฟาร์มหมูเพื่อสกัดการแพร่ระบาด พร้อมเปิดจุดขายหมูราคาถูก
667 จุดทั่วประเทศ
ภาพจาก Lina Mo / Shutterstock.com
วันที่ 9 มกราคม 2565 เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า รัฐบาลปกปิดข้อมูลโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร
(AFS) ในประเทศ ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ติดตามสถานการณ์โรคระบาดในสัตว์ หลังจากมีข่าวโรคดังกล่าวระบาดในหลายประเทศ
โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน
ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์เร่งตรวจสอบและแก้ปัญหา
ซึ่งคณะรัฐมนตรียังสนับสนุนงบประมาณสำหรับการเฝ้าระวัง
ป้องกันและกำจัดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร
ส่งเสริมการปรับปรุงยกระดับฟาร์มให้ได้มาตรฐาน GAP หรือให้ได้มาตรฐาน GFM
เพื่อการป้องกันควบคุมโรค รวมทั้งมีมาตรการเยียวยาเจ้าของฟาร์ม
ด้วยการจ่ายค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลายตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.
2558
นายธนกร เผยต่อว่า กรมปศุสัตว์ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ตามขั้นตอนหลักวิชาการและมาตรฐานสากล หากพบการแพร่ระบาดจะต้องแจ้งการพบโรคไปยังองค์การสุขภาพสัตว์ระหว่างประเทศ เพื่อแจ้งเตือนให้ประเทศสมาชิกทราบด้วย ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่สามารถปกปิดข้อมูล ซึ่งกรมปศุสัตว์ดำเนินการตามบัญชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ผ่านมาได้จัดชุดเฉพาะกิจลงตรวจสอบสภาวะโรคในพื้นที่เสี่ยง สุ่มตรวจเพิ่มเติม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสุกรหนาแน่น มีเจ้าหน้าที่กองสารวัตรและกักกัน จะเข้าไปสำรวจโรคและเก็บตัวอย่างจากเลือดสุกร นำไปตรวจหาโรคโดยสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ พร้อมทั้งประเมินพื้นที่เสี่ยงและความเสี่ยงระดับฟาร์ม หากพบมีความเสี่ยงสูงและไม่สามารถปรับปรุงระบบการป้องกันโรคได้จะทำลายสุกรเพื่อลดความเสี่ยงและจ่ายเงินชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลาย
นายธนกร เผยต่อว่า กรมปศุสัตว์ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ตามขั้นตอนหลักวิชาการและมาตรฐานสากล หากพบการแพร่ระบาดจะต้องแจ้งการพบโรคไปยังองค์การสุขภาพสัตว์ระหว่างประเทศ เพื่อแจ้งเตือนให้ประเทศสมาชิกทราบด้วย ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่สามารถปกปิดข้อมูล ซึ่งกรมปศุสัตว์ดำเนินการตามบัญชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ผ่านมาได้จัดชุดเฉพาะกิจลงตรวจสอบสภาวะโรคในพื้นที่เสี่ยง สุ่มตรวจเพิ่มเติม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสุกรหนาแน่น มีเจ้าหน้าที่กองสารวัตรและกักกัน จะเข้าไปสำรวจโรคและเก็บตัวอย่างจากเลือดสุกร นำไปตรวจหาโรคโดยสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ พร้อมทั้งประเมินพื้นที่เสี่ยงและความเสี่ยงระดับฟาร์ม หากพบมีความเสี่ยงสูงและไม่สามารถปรับปรุงระบบการป้องกันโรคได้จะทำลายสุกรเพื่อลดความเสี่ยงและจ่ายเงินชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลาย
โดยขอความร่วมมือเกษตรกรหากพบสัตว์ป่วย ต้องแจ้งกรมปศุสัตว์ตามกฎหมาย ที่ผ่านมาการเกิดโรคระบาดในหมูไทยเป็นโรค PPRS เป็นกลุ่มอาการของโรค ในระบบสืบพันธุ์และระบบทางเดินหายใจในสุกร แต่ไม่พบว่ามีการเกิดโรค AFS
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีให้มีการแก้ปัญหาโรคระบาดในหมูอย่างยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนงบประมาณเพื่อการวิจัยพัฒนาวัคซีน ซึ่งกรมปศุสัตว์ร่วมกันกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาวัคซีน ผลิตโปรโตไทป์ ได้ผล 60-70 เปอร์เซ็นต์ กำลังเข้าสู่การทดสอบฉีดในหมูในห้องทดลอง หากประสบความสำเร็จ จะเป็นครั้งแรกของโลกที่มีวัคซีนมาใช้ควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร จะช่วยปกป้องอุตสาหกรรมหมูของไทยทั้งระบบที่มูลค่าการส่งออกสุกรมีชีวิต เนื้อสุกรรวมทั้งผลิตภัณฑ์จากสุกรมากกว่า 20,000 ล้านบาท ต่อปี
สำหรับกรณีราคาหมูแพง รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ เปิด 667 จุดบริการทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 116 หน่วยบริการรถโมบายตระเวนตามพื้นที่ 50 คัน ตั้งจุดบริการ 50 แห่ง และสมาคมฯ 16 แห่ง ต่างจังหวัด 551 แห่ง เพื่อจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก เพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมู ช่วยลดภาระค่าครองชีพ เป็นมาตรการเสริมถึงสิ้นเดือนมกราคมนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว