เปิดความหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนตัว ยันการเซลฟี่ติดคนอื่นในร้านอาหาร ยังทำได้ ชี้ดูที่เจตนา รวมถึงการรีวิวต่าง ๆ ยัน 1 ปีแรกยังไม่ถึงขั้นลงโทษ จะเน้นไกล่เกลี่ยก่อน
เป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว สำหรับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ที่จะบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ว่าการกระทำใดจะเข้าข่ายความผิด สามารถถ่ายรูปติดหน้าคนอื่นได้ไหม หรือนำไปโพสต์ลงโซเชียลเหมือนก่อน ๆ ได้หรือไม่
การเซลฟี่ติดคนอื่น - รีวิวสถานที่ - ติดวงจรปิด - แอบถ่ายพนักงานเพื่อร้องเรียน ทำได้หรือไม่ ?
- การถ่ายรูปเซลฟี่ เช่น ถ่ายที่ร้านอาหารแล้วติดใบหน้าคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ สามารถทำได้ และสามารถโพสต์ลงโซเชียลได้เช่นกัน เพราะเป็นการใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เป็นการถ่ายเพื่อเน้นตัวเองและเพื่อนเป็นหลัก เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย แต่คนอื่นที่ติดมาในรูปก็มีสิทธิ์ขอให้ลบรูปได้เช่นกัน
วิธีป้องกัน คือ ก่อนลงโซเชียลควรเบลอบุคคลอื่น หรือหาสติ๊กเกอร์มาปิดบังใบหน้าบุคคลอื่น เพื่อป้องกันการถูกทักท้วงให้ลบรูปภายหลังได้
- ยูทูบเบอร์ หรือการรีวิวที่พัก และร้านอาหาร ก็สามารถถ่ายคลิปหรือรูปได้เหมือนเดิม ไม่ผิดกฎหมาย ยกเว้นมีการถ่ายเจาะหรือซูมไปที่บุคคลอื่นในลักษณะที่มีเจตนาไม่ดีอย่างชัดเจน เช่น ซูมเห็นหน้าบุคคลอื่น หรือซูมเข้าไปที่ส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกาย รวมถึงถ่ายติดแล้วเอาไปใช้ในเชิงพาณิชย์ แบบนี้ถึงจะมีความผิด
- กล้องวงจรปิดตามอาคาร สำนักงาน ก็สามารถติดตั้งได้เช่นกัน แต่จากนี้จะต้องติดป้ายแจ้งเตือนว่าบริเวณนี้มีกล้องวรจรปิด เพราะถือว่าเป็นสถานที่สาธารณะ ที่คนที่เป็นเจ้าของข้อมูล หรือคนที่มาใช้อาคารมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าตัวเองกำลังถูกถ่ายวิดีโอหรือภาพอยู่
- การถ่ายรูปหรือคลิปพนักงาน เพื่อหวังจะเอาไปใช้ร้องเรียนต่าง ๆ ก็ทำได้เช่นกัน แต่ต้องแจ้งให้บุคคลนั้น ๆ รับทราบก่อน เพื่อป้องกันการถ่ายลักษณะเอาไปใช้คุกคาม หรือข่มขู่
ยืนยันช่วงปีแรกจะเน้นไกล่เกลี่ย ไม่ถึงขั้นดำเนินคดี
ทั้งนี้ มีข้อแนะนำเพิ่มเติมว่า หน่วยงานหรืออาคารต่าง ๆ ควรยกเลิกการแลกบัตรประจำตัวประชาชน เพราะในบัตรมีข้อมูลส่วนตัว การแจ้งชื่อ - นามสกุล เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เลขบัตรประชาชน หรือที่อยู่ เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล ซึ่งกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนตัว นี้ คาดว่าจะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องของมิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้
อย่างไรก็ตาม ในปีแรกของการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนตัว จะยึดหลักการไกล่เกลี่ยก่อน ส่วนการดำเนินการหรือการลงโทษจะเป็นมาตรการขั้นสุดท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก รายการข่าวค่ำ Thai PBS