ถามใจคนไทย ทำไม ต้องเลือกสี ?












ถามใจคนไทย ทำไม ต้องเลือกสี ? (ไทยรัฐ)

         เป็นที่ทราบกันดีว่า ขณะนี้ประเทศไทยของเรากำลังตกอยู่ ภายใต้ความขัดแย้งทางการเมือง ที่รุนแรง ที่สุดในประวัติศาสตร์ ชนิดที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน โดยมีการใช้สีเสื้อ เป็นตัวบ่งบอกจุดยืนของแต่ละฝ่าย ปรากฎการณ์ความเห็นต่าง ที่ปรากฎขึ้นกินเวลายาวนานเกือบ 3 ปี ตั้งแต่เกิดการปฎิวัติ

         19 กันยายน แต่จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไร้วี่แววว่าจะ มีทางออกใดที่ จะสามารถแก้ไขปัญหาความเห็นต่างระหว่าง สีเสื้อทั้ง สองสีได้

         เพราะหากแม้มีเพียงคนหนึ่งคนใด ที่พยายามออกมาแสดง ความเห็นโดยการหาทางออกให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น ก็จะถูกทั้ง สองฝ่ายตีความเข้าข้าง หรือ โจมตีหาว่าเป็นอีกสีหนึ่งทันที หากฝ่ายตนเองถูกพาดพิงในทางลบ แล้วปรากฏการณ์เช่นนี้ จะดำรงอยู่ในสังคมไทยอีกนานเท่าใด ประเทศไทยจะสามารถ หาทางออกให้กับวิกฤติที่เกิดขึ้นในรูปแบบใด เพื่อให้ประเทศ ชาติสามารถฝ่าไฟจราจรสีเหลือง และ สีแดง เพื่อเดินหน้าต่อ ไปได้ โดยไม่เกิดบัวช้ำน้ำขุ่น

         หากในเมื่อจะหาทางออกให้กับปัญหาสิ่งแรกที่ควรนำมาพิจารณา คือจุดเริ่มต้นของปัญหาใช่หรือไม่ว่าความเห็นต่างผ่านสีเสื้อทั้ง

         สองสี เกิดมาจากอะไร และเพราะเหตุใด ทำไมชาวไทยเราซึ่งแต่ เดิมเป็นที่เลื่องลือจนได้รับฉายา สยามเมืองยิ้มด้วยเหตุที่มีความ โอบอ้อมอารีแม้บุคคลที่ไม่ใช่ญาติมิตร ผ่านรอยยิ้มละไมติดใบหน้า มาวันนี้แม้แต่เพียงได้ยินชื่อบุคคลอันไม่เป็นที่พึง ปราถนา ของทั้ง สองฝ่ายจะตั้งหน้า ตั้งตาถกเถียงกันอย่าเอาเป็น เอาตาย บ้านใกล้เรือนเคียงที่เคยรักกันไปมาหาสู่กัน มีอาหารก็แบ่งปันกัน มาทุกวันนี้ไม่มองหน้ากันเพียงเพราะเห็นว่า อีกฝ่าย อยู่สีเสื้อคนละสี

         หรือแม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน หัวข้อสนทนาในโต๊ะอาหาร แต่เดิมมีแต่พูดคุยกันด้วยความสุขสนุกสนานตามประสา

         ครอบครัวใหญ่แบบคนไทย มาทุกวันนี้ หากลองมีการ ทานอาหาร โดยเปิดโทรทัศน์ดูข่าวประจำวันเข้าละก็ เชื่อหรือไม่ ว่าจะต้องมีการถกเถียงกันเรื่องนี้อย่างแน่นอน ไม่ว่า จะเป็นคู่ พ่อกับลูก แม่กับลูก หรือพี่กับน้อง ความขัดแย้งจากสีเสื้อทั้งสองสี ได้ลามเข้าสู่ทุกครัวเรือนของสังคมไทย แล้วเช่นนั้นหรือ

         งั้นเราลองถามใจตัวเองกันสักนิดไหมว่า เพราะเหตุใดทำไมคนไทยจึงต้องเลือกสี ? คนไทยเวลานี้ เราเกลียดชังกันเพียงเพราะอยู่ สีเสื้อกันคนละสีจริงหรือ ? ก้นบึ้งความคิดในคนทั้งสองสีมีความรู้สึกต่อฝ่ายตรงข้ามอย่างไร ? วันนี้เราลองมาแบใจของทั้งสองฝ่าย เพื่อเปิดหาทางออกในการหาทางขจัดความขัดแย้งที่เกาะกินหัวใจคนไทยกันนานถึง 3 ปี ดีกว่า

         1. ทำไมจึงเลือกสี ?

         ในประเด็นนี้เท่าที่ได้ประมวลจากการสอบถามบุคคลของทั้งสองสี และดูการแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางในเว็บไซต์ยอดฮิตต่าง ๆ ของชาวชุมชนออนไลน์ พบว่า

         1.อึดอัดและทนไม่ได้ กับสิ่งที่แต่ละฝ่ายกระทำ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำที่เกินขอบเขตที่ทั้งสองฝ่ายจะยอมรับได้

         2.ความเชื่อว่าการได้เข้าร่วมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็คือการได้ตอบสนองต่อความ เชื่อที่ตนเองมีอยู่ โดยถือว่าสีเสื้อแต่ละสีก็คือตัวแทนพลังทางความคิดของตนเอง

         3.การให้ความเชื่อถือและความชื่นชอบต่อบุคคลที่เป็นแกนนำของแต่ละกลุ่ม

         4.ประเด็นมีการหยิบยกขึ้นมาใช้ในเคลื่อนไหวทางการเมือง ตรงกับความเห็นของตนเองที่มีอยู่แต่เดิม

         5.ความชื่นชอบรวมไปจนกระทั่งความเกลียดชังที่มีต่อพรรคการเมืองไทย ซึ่งแต่ละฝ่ายเชื่อมั่นว่าอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่าย

         6.ปัญหาเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น ที่แต่ละฝ่ายมองว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังนำพาประเทศชาติไปสู่ความเสียหาย

         7.ปัญหาเรื่องการคุกคามความมั่นคงของประเทศ ทั้งเรื่องระบอบประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และผลประโยชน์ของประเทศชาติ

         8.คิดว่าสีแต่ละสี คือตัวแทนของชนชั้นในประเทศ โดยหากปล่อยให้อีกฝ่ายได้รับชัยชนะฝ่ายตนเอง จะต้องตกเป็นเบี้ยล่าง

         9.ความชื่นชอบและความชิงชัง ที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

         2.ความเห็นต่างตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย เหตุใดจึงกลายมาเป็นความขัดแย้ง ไม่ชอบหน้า ท้ายที่สุดกลายเป็นความชิงชัง ?

         1.ไม่ให้ความเชื่อถือในข้อมูลที่อีกฝ่ายนำมาใช้เคลื่อนไหวทางการเมือง เนื่องจากเห็นว่าน่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นเท็จ ใส่ร้าย และหวังผลทางการเมือง

         2.คิดว่าอีกฝ่ายมีการตั้งอคติกับฝ่ายของตนเองมาตั้งแต่ต้น และไม่พร้อมที่จะรับฟังความเห็นที่แตกต่างกัน

         3.การออกมาเคลื่อนไหวของบรรดาแกนนำแต่ละฝ่าย เนื่องจากมองว่ากำลังนำพากลุ่มคนไปสู่ความรุนแรง

         4.คิดว่าฝ่ายของตนเองถูกอีกฝ่ายกลั่นแกล้ง

         5.การรับฟังข้อมูลผ่านสื่อของฝ่ายตนเอง ทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังคุกคามฝ่ายของตนเองอยู่ตลอดเวลา

         6.การวิวาทะทางคำพูดเพื่อพยายามแสดงให้เห็นว่ากลุ่มของตนเองมีอำนาจมากกว่า

         7.ความเสียหายของประเทศชาติ ที่เกิดจากการชุมนุมทางการเมืองของแต่ละฝ่าย

         8.วิวาทะและการเคลื่อนไหวของนักการเมืองสองค่าย ที่เชื่อมโยงหรือพาดพิงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

         9.คิดว่าอีกฝ่ายดื้อรั้น และใช้การชุมนุมทางการเมืองเพื่อหวังใช้ความรุนแรงสนองความต้องการของฝ่ายตัวเองเพียงฝ่ายเดียว

         3.ทำไมการแสดงความเห็นต่างในบางประเด็นจึงต้องมีการตีความว่า เค้า หรือ เธอ เหล่านั้น เป็นอีกสีหรือสีเดียวกับตนเอง ?

         1.ไม่เชื่อว่าคนที่แสดงความเห็นต่าง กับกลุ่มตนเองมีความเป็นกลางทางการเมืองจริง อีกทั้งเชื่อว่าที่มาของแต่ละบุคคลที่ออกมาแสดงความเห็นนั้น มีที่มาหรือสถานะที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

         2.เชื่อมั่นในการตีความของบรรดาแกนนำแต่ละกลุ่ม ว่าอาจจะเป็นความคิดเห็นที่ทำให้ฝ่ายของตนเองได้รับความเสียหายหรือสูญเสีย ความชอบธรรม

         3.การแสดงความเห็นของบุคคลที่ได้รับการยอมรับในสังคม ซึ่งตรงกับความเห็นของกลุ่มตนเอง สามารถนำไปสร้างพลังภายในกลุ่มของตนเอง สำหรับการเคลื่อนไหวทางการเมืองได้

         4.สามารถป้องกันความพยายามในการแทรกแซงเพื่อให้เกิดความแตกแยกทางความคิดภายในกลุ่มของตนเอง จากฝ่ายตรงข้ามได้

         5.เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ฝ่ายที่มักจะอ้างว่าอยู่ฝ่ายตรงกลาง ควรจะแสดงจุดยืนที่ชัดเจนได้แล้วว่า ควรจะอยู่กับฝ่ายใดเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างจริงจัง

         4.การชุมนุมทางการเมืองในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกสี หรือไม่ ?

         1. มีผล เพราะทำให้เกิดความฮึกเหิมว่า คนที่คิดเห็นเหมือนกับตนเองนั้น มีอยู่จำนวนมาก เพราะฉะนั้นจึงไม่มีความรู้สึกหวาดกลัว ที่จะแสดงตัวตนอย่างชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายใด

         2. มีผล เพราะทำให้เกิดความรู้สึกว่า เมื่อเข้าร่วมกับฝ่ายที่มีความคิดเห็นตรงกับตนเองแล้วจะไม่พ่ายแพ้

         3. มีผล เพราะทำให้รู้สึกว่าสามารถลุกขึ้นต่อสู้กับสิ่งที่ตนเองเห็นว่าไม่ถูกต้องได้

         4. มีผล เพราะสามารถทำให้ตนเอง รู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวไม่แปลกแยกกับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดในสังคมที่ตนเองอาศัยอยู่ได้

         5. มีผล เพราะรู้สึกเหมือนมีสถานที่ที่จะสามารถพูดคุย แลกเปลี่ยนกับผู้ที่มีทัศนคติหรือความคิดเห็นที่เป็นไปทิศทางเดียวกับตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องทนรับฟัง หรือเกิดวิวาทะกับผู้ที่เห็นต่างกับตนเอง

         5.หากท้ายที่สุดแกนนำของทั้งสองสียอมจับมือกัน ในความคิดของตนเองจะสามารถยุติความชิงชังที่มีต่ออีกฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้าม หรือสามารถเปิดรับฟังความเห็นต่างของฝ่ายตรงข้าม นับจากนั้นได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดศึกระหว่างสองสีระลอกใหม่ขึ้นอีก ?

         เป็นเรื่องที่น่าตกใจมากว่า ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครเชื่อว่า ระดับแกนนำของทั้งสองสี จะยินยอมจับมือกันเพื่อยุติความขัดแย้งด้วยการเจรจา ทั้งที่ในความจริงการเมืองไทย ไม่เคยมีมิตรแท้และศัตรูถาวร ดังเช่นที่ผ่านมาก็มักจะเห็นกันแล้วว่า การเมืองประวัติศาสตร์การเมืองไทย หลายยุคหลายสมัยก็แสดงให้เห็นแล้วว่า การเปลี่ยนขั้วชนิดสุดเหลือเชื่อและไม่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ เกิดขึ้นกับนักการเมืองไทยมาแล้วทุกยุคทุกสมัย หากทั้งสองฝ่ายสามารถเจรจาต่อรองและสมประโยชน์กันและกันได้ก็ตาม

         เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีความเชื่อมั่นว่า ความเห็นที่แตกต่างได้เดินทางมาไกลเกินกว่าที่จะสามารถพูดคุยกัน รวมทั้งไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะยอมรับในเหตุผลและจุดยืนที่ต่างกันได้ และต่างมีธงในใจอยู่แล้วว่าจะเอาชนะกันและกันอย่างไร และจุดที่สำคัญมากคือไม่ว่าผลกระทบในทางร้ายจะเกิดขึ้นกับฝ่ายใด ต่างฝ่ายต่างก็ปักใจเชื่ออย่างแน่นอนว่า เป็นผลมาจากการกระทำของอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่า ต่างฝ่ายต่างไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน เหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว

         ส่วนหากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จะสามารถรับฟังความเห็นต่างของกันและกันได้หรือไม่นั้น เสียงสองสีส่วนใหญ่ยืนยัน ตรงกันว่า ความเห็นหรือจุดยืนของแต่ละฝ่ายจะดำรงค์อยู่ต่อไป เพราะต่างมองว่าทัศนะที่มีความสิ่งที่ฝ่ายตนเองเรียกความไม่ถูกต้องของอีก ฝ่ายนั้น เป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อตนเอง เพราะฉะนั้นย่อมมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะลุกขึ้นมาเรียกร้องหรือรักษาผล ประโยชน์ให้กับตนเองได้ นอกจากนี้ยังเห็นว่าหากในเมื่ออีกฝ่ายสามารถทำอะไรเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ ให้กับฝ่ายตนเองได้ ฝ่ายของตนเองก็น่าที่จะสามารถทำแบบนั้นได้เช่นกัน

         หากเป็นเช่นนั้นจริง คนไทยหรือสังคมไทยในเวลานี้กำลังก้าวเข้าสู่ภาวะป่วยทางจิตจากความตรึง เครียดที่มีต้นเหตุจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองหรือไม่ ? เพราะไม่ว่าจะมองมุมใดก็ดูเหมือนมักจะมีการใช้อารมณ์นำเหตุและผลเสมอ งั้นเราลองไปฟังทัศนะจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชกันดีกว่า มองปรากฎการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างไร





ขอขอบคุณข้อมูลและภ่าพประกอบจาก
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ถามใจคนไทย ทำไม ต้องเลือกสี ? อัปเดตล่าสุด 31 ธันวาคม 2552 เวลา 16:39:05 13,032 อ่าน
TOP
x close