แจ้งข้อหาแล้ว หลานเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ยิงปืนใส่ผู้ค้า

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ ยกทัพข่าวเช้า สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

          เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ยังเงียบ ติดนิมนต์ต่างจังหวัด ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ชี้แจงเรื่องมีคนอ้างเป็นหลานแสดงอิทธิพลยิงผู้ค้าในตลาด ด้านตำรวจแจ้งข้อหาพกอาวุธและทำร้ายร่างกายแก่ผู้ก่อเหตุแล้ว ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ไม่กล้าให้ข่าว บอกกลัวอิทธิพลผุ้ก่อเหตุ ในขณะที่บางรายบอก ปัญหามีมานานแล้ว นับตั้งแต่เจ้าอาวาสรูปนี้เข้ามาดูแล ชี้ทำงานไม่โปร่งใส ให้ญาติพี่น้องมาช่วยบริหารกิจการวัด

          จากเหตุการณ์ หลานเจ้าอาวาสยิงปืนใส่ผู้ค้าวัดโสธรวรารามวรวิหาร ฉะเชิงเทรา แต่กระสุนไปโดนลูกค้าร้านกาแฟได้รับบาดเจ็บนั้น ล่าสุดมีการสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยรายการยกทัพข่าวเช้า ช่อง PPTV มีรายงานในวันที่ 22 กันยายน 2557 ว่า ได้ให้นักข่าวลงพื้นที่ไปสอบถามพ่อค้าแม่ค้าที่ค้าขายอยู่ในบริเวณวัดโสธรฯ ซึ่งพบว่าผู้ค้าไม่ค่อยกล้าให้รายละเอียด เนื่องจากเกรงกลัวอิทธิพลของผู้ก่อเหตุ

          โดยในเบื้องต้นที่มีการนำเสนนอข่าวออกไปนั้น นายเอกราช ท้วมละมูล วัย 68 ปี ผู้อ้างว่าเป็นหลานเจ้าอาวาส เกิดการวิวาทกับนายปิยะ ศรีชวนะ อายุ 67 ปี ซึ่งนายเอกราชเป็นเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์ที่จะไปเปิดเป็นร้านกาแฟใหม่ในบริเวณวัด ทั้ง ๆ ในตลาดหน้าวัดมีร้านกาแฟอยู่แล้ว จึงสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ค้าเดิมซึ่งเข้ามาค้าขายตั้งแต่รุ่นเจ้าอาวาสคนก่อน ตอนเกิดเหตุนายเอกราชเดินผ่ามากลางวงที่ร้านกาแฟ ประกาศตนว่าตัวเองเป็นหลานเจ้าอาวาสทำไมจะขายไม่ได้ และเข้าไปกระชากไมค์ในมือของนายปิยะ ซึ่งกำลังประกาศเสียงตามสายต่อว่าเรื่องตู้คอนเทนเนอร์ร้านกาแฟ จนเกิดการต่อสู้กัน นายเอกราชควักปืนออกมายิง แต่นายปิยะปัดทัน กระสุนจึงไปถูกลูกค้าที่กำลังนั่งกินกาแฟอยู่ หลังจากนั้นพ่อค้าแม่ค้าจึงเข้ามารุมประชาทัณฑ์จนบาดเจ็บหนักดังที่เป็นข่าว

          ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมจากด้านผู้สื่อข่าวเท่าที่สามารถสอบถามมาได้ ผู้ค้าในตลาดวัดโสธรฯ บอกว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมีมานานว่า 4 ปีแล้ว นับแต่เจ้าอาวาสคนปัจจุบันย้ายมาแทนคนเก่าที่มรณภาพไป ผู้ค้าและชาวบ้านหลายคนตั้งข้อสงสัยเรื่องการจัดการระบบในวัดที่ไม่ค่อยโปร่งใส อย่างการทุบเมรุเก่าแล้วสร้างใหม่ ทั้ง ๆ ที่เมรุเดิมยังมีสภาพดี เป็นเมรุที่ชาวบ้านช่วยกันรวบรวมเงินมาสร้างและซ่อมแซมกันมา แถมตอนทุบสร้างใหม่ก็ไม่มีการประกาศให้ชาวบ้านได้ทราบ ไม่มีการประมูลราคาก่อสร้าง อีกทั้งเจ้าอาวาสยังมีพฤติกรรมดึงญาติและลูกหลานมาดูแลกิจกรรมต่าง ๆ ภายในวัด สร้างความเคลือบแคลงใจให้เหล่าชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง

          หลังเกิดเหตุวิวาทจนมีการชักปืนยิงใส่กันนั้น ชาวบ้านได้รวมกลุ่มกันไปสอบถามพระราชมงคลรังษี เจ้าอาวาสที่กุฏิ แต่วันนั้นเจ้าอาวาสไม่อยู่ที่กุฏิ จึงไม่ได้ความคืบหน้าอะไร นอกจากนี้ผู้ค้าที่ให้สัมภาษณ์ยังชี้แจงว่า วันเกิดเหตุที่มีการรุมทำร้ายผู้อ้างว่าเป็นหลานเจ้าอาวาสนั้น ที่จริงไม่ได้ต้องการรุมทำร้าย แต่ช่วยกันรุมจับตัวเท่านั้น เพราะผู้ก่อเหตุมีปืนอยู่

          ส่วนนักข่าวที่เดินทางไปวัดโสธรฯ ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์เจ้าอาวาส แต่ได้รับคำตอบว่าเจ้าอาวาสไม่อยู่วัด ติดกิจนิมนต์ที่อยุธยา ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ จึงได้สอบถามไปที่ตำรวจแทน แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เนื่องจากจะทำให้เสียรูปคดี

          ในวันเดียวกัน ด้านนายปิยะ ซึ่งเป็นคู่กรณี ได้เดินทางไปให้ปากคำที่ สภ.ฉะเชิงเทรา พร้อมโชว์บาดแผลรอยกระสุนปืนถากที่สีข้างด้านซ้าย และนำเสื้อยืดที่มีรอยกระสุนยิงทะลุไปแสดงแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อประกอบพิจารณากับคำให้การของนายเอกราชที่อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจทำร้าย นอกจากนี้ยังโชว์เหรียญหลวงพ่อโสธรสองหน้า รุ่น 2497 ให้ดู บอกว่าเชื่อในพระพุทธคุณของท่านที่ช่วยคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย

          นายปิยะ ให้การต่อว่า ตนเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักการปกครองความปลอดภัย ม.รังสิต จึงใช้ประสบการณ์กับเหตุเฉพาะหน้าที่เคยเกิดขึ้น ตอนแรกพูดประกาศเสียงตามสายเรื่องนายเอกราชนำตู้มาดัดแปลงเกิดเป็นร้านกาแฟสดว่า ที่นี่เป็นพระอารามหลวง ไม่ใช่วัดที่จะให้คนใกล้ชิดเจ้าอาวาสมากระทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ พูดออกไปได้ครู่เดียว นายเอกราชก็เข้ามาวิวาท แล้วชักปืนออกมา ตนจึงตัดสินใจกระโดดคว้าปืนก่อนจะล้มลง พร้อมกันนั้นได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัด และพบว่าตัวเองถูกกระสุนถากที่สีข้าง


          เขายังกล่าวต่อไปว่า นับแต่เจ้าอาวาสรูปนี้เข้ามาก็มีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ทั้งในด้านการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลที่ทำงานกับวัด โดยบีบให้คนเก่าออก แล้วก็เอาคนใหม่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติพี่น้องมาบริหารงานในวัด รวมทั้งบริหารตลาดแทน รวมถึงกรณีทุบเมรุสร้างเมรุใหม่ที่ดูไม่โปร่งใสด้วย

          อย่างไรก็ดีในกรณีนี้จะต้องรอฟังคำชี้แจงเพิ่มเติมจากทางวัดและเจ้าอาวาสต่อไป เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝั่ง ส่วนในเบื้องต้น พ.ต.อ. ธนาวุฒิ จงจิระ ผู้กำกับ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้แจ้งข้อหาแก่นายเอกราชแล้ว ฐานมีอาวุธเพื่อพกพาและร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้ค้าในบริเวณวัด