สนช. ตั้งกระทู้ถามรัฐบาล งบ กสทช. มากไปไหม

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  ข่าวสด

           สนช. ตั้งกระทู้ถามรัฐบาล ปมงบ กสทช. มากเกินความจำเป็น โดยเฉพาะการดูงานต่างประเทศ เสนอควบรวม กสท.-ทีโอที ทำงานแทน ด้าน วิษณุ แจงรัฐบาลไม่มีอำนาจตรวจสอบ เผยอนาคตอาจแก้กฏหมายใหม่ เพื่อความโปร่งใส

           เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 พ.ย. 2557 ณ รัฐสภา ได้มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาวาระกระทู้ถาม เรื่องการตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ของนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. ถามนายกรัฐมนตรี โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบกระทู้ถามแทน

           โดยนายวัลลภตั้งกระทู้ถามถึงค่าใช่จ่ายของ กสทช. ว่า ค่าใช้จ่ายกรรมการทั้ง 11 คน ในปี 2556 จำนวน 36 ล้านบาท และการดูงานจำนวน 105 ครั้ง ใช้เวลา 632 วัน ใช้งบประมาณจำนวน 61 ล้านบาท เงินประจำตำแหน่งรายจ่าย 11 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายกลุ่มผู้ปฏิบัติงาน กสทช. จำนวนประมาณ 118 ล้านบาท โดยตั้งที่ปรึกษา 31 คน เลขานุการ 10 คน ผู้ช่วยเลขานุการ 20 คน พนักงานประจำสำนักงาน กสทช. 40 คน พนักงานขับรถ 9 คน รวม 110 คน ทั้งหมดได้รับเงินเดือน โบนัส เบี้ยประชุม ค่ารักษาพยาบาล และงบดูงานในและต่างประเทศ รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายตั้งอนุกรรมการและคณะทำงานจำนวน 102 คณะ แบ่งเป็นอนุกรรมการ 65 คณะ มีรายจ่าย 46 ล้านบาท คณะทำงาน 37 คณะรายจ่าย 3 ล้านบาท

           นายวัลลภ กล่าวว่า ตัวเลขของการดูงานต่างประเทศทำไมจึงมีจำนวนมหาศาล เพราะช่วงที่มีการสรรหาก็ได้ชี้แจงว่าเป็นผู้มีความรู้มาก แต่เมื่อได้เป็นแล้วต้องออกไปดูงานที่ต่างประเทศ สังคมไทยไม่มีอำนาจยับยั้งได้หรือ และรัฐบาลมีแนวทางปรับปรุงกระบวนการจัดทำงบประมาณ กสทช. ให้ผ่านการตรวจสอบและอนุมัติจากรัฐสภา และให้หน่วยงานด้านต่าง ๆ ตรวจสอบให้ความเห็นได้อย่างไร รวมทั้งจะมีมาตรการแก้ปัญหาเร่งด่วนหรือไม่

           นายวิษณุ ได้ชี้แจงว่า กสทช. นั้นเป็นองค์กรตาม พ.ร.บ.พิเศษ ไม่มีฐานะเป็นส่วนราชการ จึงไม่ได้อยู่ใต้บังคับบัญชา และการควบคุมใด ๆ ของรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ เพื่อความเป็นอิสระเอกเทศ รวมถึงเรื่องงบประมาณ จึงทำให้รัฐบาลไม่มีอำนาจตรวจสอบการจัดทำงบประมาณ กสทช. ได้ และตั้งแต่มี กสทช. นั้น กสทช. หางบประมาณตัวเองได้เพียงพอ ไม่ได้ของบประมาณจากรัฐและตั้งงบประมาณเข้าสู่กรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ซึ่ง กสทช. น่าจะทราบว่ามีปฏิกิริยาจากสังคมว่าเหตุใดงบประมาณ กสทช. จึงไม่เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา

           อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวเคยได้มีการหารือกับสำนักงบประมาณแล้วว่า จะทำอย่างไรได้ให้งบประมาณของ กสทช. เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งได้รับการยืนยันว่ากรรมาธิการฯ ไม่มีอำนาจตรวจสอบ หรือเชิญมาสอบถามก็ไม่มีผล โดยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบประมาณ กสทช. และรายงานให้ ครม. รับทราบแล้ว อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหากพิจารณาว่าเหมาะสมอาจมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เกิดการตรวจสอบความโปร่งใส ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่และกรรมการ กสทช. ต่างก็ไม่สบายใจและอยากให้มีการแก้ไขกฎหมายการจัดสรรรายได้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้

           นายวัลลภ กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลควรจะมีมาตรการกำกับให้ กสทช. ปฏิบัติตามระเบียบ กสทช. ให้มีการเปิดเผยข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณให้สาธารณชนทราบ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมาเรื่องนี้ไม่เคยมีการเปิดเผย นอกจากนี้ยังอยากให้มีการควบรวมระหว่าง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (กสท.) กับบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ให้เป็นหน่วยงานเดียว พร้อมกับให้ยกเลิก กสทช. โดยให้องค์กรที่ยุบรวมระหว่าง กสท. กับทีโอที ทำหน้าที่ให้บริการแทน เนื่องจากหากไม่มีการยุบ กสทช. นั้น อาจส่งผลให้ กสท. และ ทีโอที ล้มละลายได้
 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก