เตือนผู้ตั้งแคมป์กลางป่าช่วงหน้าหนาว ระวังไรอ่อนกัด ป่วยหนักถึงขั้นเสียชีวิต
กระทรวงสาธารณสุขเตือนนักท่องเที่ยวตั้งเต็นท์กลางป่าในหน้าหนาว ระวังไรอ่อนกัด สาเหตุโรคไข้รากสาดใหญ่ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2557 นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงหน้าหนาวประชาชนนิยมไปท่องเที่ยวในป่า จึงขอให้ระมัดระวังถูกตัวไรอ่อนกัด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคสครับไทฟัส (Scrub typhus) หรือโรคไข้รากสาดใหญ่ โดยตัวไรอ่อนมักกัดบริเวณในร่มผ้า อาทิ ขาหนีบ เอว ลำตัว รักแร้ หลังถูกกัด 10-12 วัน จะเริ่มแสดงอาการ โดยมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ตาแดง ปวดกระบอกตา ผู้ป่วยร้อยละ 50 จะพบแผลคล้ายถูกบุหรี่จี้ในบริเวณที่โดนกัด ลักษณะแผลจะเป็นรอยบุ๋มแดงคล้ำ ไม่มีอาการคัน อันเป็นลักษณะจำเพาะของโรค บางรายอาจหายได้เอง แต่ 1 ใน 5 ของผู้ป่วยมักเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ อันทำให้เสียชีวิตได้
ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า โรคไข้รากสาดใหญ่สามารถพบได้ทั้งปี ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะเป็นชาวไร่ชาวสวน นักล่าสัตว์ นักเดินผ่า ทหาร ตลอดจนผู้ที่ตั้งค่ายในป่า แต่พบมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน-หนาว โดยตัวไรอ่อนจะอยู่ศัยตามพื้นหญ้า วางไข่บนพื้นดิน เมื่อตัวอ่อนฟักออกมา จะกระโดดเกาะสัตว์ เช่น หนู กระแต หรือคน แล้วดูดน้ำเหลืองเป็นอาหาร
ตามข้อมูลการเฝ้าระวังโรคสครับไทฟัส โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม-16 พฤศจิกายน 2557 พบผู้ป่วยทั่วประเทศ 8,000 ราย เสียชีวิต 5 ราย โดยภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่พบผู้ป่วยมากที่สุด ผู้ป่วยร้อยละ 90 มาจากเขตชนบทและป่าเขา ทั้งนี้โรคไข้รากสาดใหญ่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่มียารักษาให้หายได้
สำหรับวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อตั้งเต็นท์กลางป่า ควรถางพื้นที่ค่ายพักให้โล่งเตียน เลี่ยงการนั่งหรือนอนบนพื้นหญ้าโดยตรง รวมทั้งบริเวณพุ่มไม้และป่าละเมาะ การแต่งกายต้องมิดชิด สวมรองเท้า สวมถุงเท้าให้หุ้มปลายขากางเกง ใส่เสื้อแขนยาวปิดคอ เหน็บชายเสื้อเข้าในกางเกง และทายาป้องกันแมลงกัดตามแขนขา หลังออกจากป่าให้อาบน้ำทำความสะอาดตัวทันที ส่วนเสื้อผ้าก็ต้องรีบซัก เพราะอาจมีตัวไรอ่อนติดมาได้
หลังกลับจากเข้าป่า 2 สัปดาห์ หากพบอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ หรือพบรอยแผลบุ๋มแดงคล้ำจากการถูกแมลงกัด ให้สงสัยโรคนี้เป็นอย่างแรก และรีบเข้าพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเข้าป่าให้แพทย์ทราบ เพื่อรับการรักษาโดยไว ป้องกันโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยต้องรับประทานยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และติดตามผลการรักษาตามแพทย์นัดหมาย
***หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 16.12 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน 2557
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
