x close

บุกเซฟเฮ้าส์ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อีก 3 จุด-พบตู้เซฟอีกเพียบ

พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์
พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
     
            คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ชี้ คดีจับกุม พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์  พร้อมพวก อาจจะมีเอี่ยวกับโจรใต้ เพราะผู้ค้าน้ำมันเถื่อนต้องขนสินค้าผ่านเส้นทางของโจรใต้ อาจจะจ่ายเงินเป็นค่าทางผ่านให้ ล่าสุดเปิดเซฟเฮ้าส์อีก 3 จุด พบตู้เซฟอีกเพียบ เร่งเปิดตรวจสอบ

           วันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ. สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จับกุม พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์  อดีต ผบช.ก. พร้อมพวก พร้อมทั้งเข้าตรวจค้นทรัพย์สินภายในบ้านว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ทาง ปปง. ได้หารือกับกับ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. แล้ว พบว่าไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด เพราะผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง

          นอกจากนี้จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพบทรัพย์สินของผู้ต้องหาจำนวนหมื่นชิ้นนั้น ทาง ปปง. ได้แนะนำให้มีการแยกบัญชีหมวดหมู่ทรัพย์สิน เช่น โบราณวัตถุ พระพทธรูปล้ำค่า ภาพเขียน และเงิน ทั้งนี้จากลักษณะทรัพย์สินที่พบภายในบ้านของอดีต ผบช.ก. อาทิ การเก็บทรัพย์สินและวัตถุโบราณ มีการซุกซ่อนเซฟฝังดิน ปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์ ทาง ปปง. ถือว่าเป็นความผิดฐานฟอกเงิน
 
          พ.ต.อ. สีหนาท ยังกล่าวอีกว่า ทาง ปปง. ได้ให้ ผบ ตร. ทำรายงานข้อมูลมาให้ด้วย จะได้เป็นไปตามกำหนดระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ในทางปฏิบัติ จะต้องรอเอกสารส่งมายัง ปปง. ก่อน จึงจะสามารถเข้าตรวจสอบทรัพย์สินได้ เพื่อการยึดทรัพย์ได้ในอนาคต อีกทั้ง ปปง. จะดำเนินการขยายผลยึดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว จะประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดต่อไป
 
          อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินที่ได้มาจากการทำผิดแยกได้เป็น 2 ประเภท คือ

          1. ทรัพย์ของกลาง ซึ่งพนักงานสอบสวนเป็นผู้ยึดได้ขณะทำความผิด หรือใช้ในการทำความผิด

          2. เป็นวัตถุพยานที่เกี่ยวกับการทำความผิด แต่ไม่ใช่มีไว้ในการทำผิดโดยตรง เช่น พระพุทธรูป ภาพเขียน เป็นต้น

 
          สำหรับกรณีของตำรวจระดับสูงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เป็นตำแหน่งที่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ผบช.ตร. หรือ ผบช.ตม. ดังนั้นทาง ปปง. จะไม่ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินที่มีเอกสารแสดงหลักฐาน แต่ ปปง. จะตรวจสอบบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง ตลอดจนค้นหาสถานที่ซุกซ่อนทรัพย์สินอื่น ๆ  
 
          อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินที่ปรากฏตามข่าวคาดว่าน่าจะเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากธุรกิจค้าน้ำมันเถื่อนและบ่อน ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงกับคดีเสี่ยโจ้ ปัตตานี อีกด้วย ซึ่งทาง ปปง. ได้ติดตามเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว แต่ส่วนใหญ่ในการทำธุรกิจดังกล่าวจะใช้เงินสดหมุนเวียนมากกว่า จึงยากที่จะติดตามยึดทรัพย์ นอกจากนี้ยังคาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้ายในภาคใต้อีกด้วย เพราะผู้ค้าน้ำมันเถื่อนต้องขนสินค้าผ่านเส้นทางของผู้ก่อการร้าย อาจเป็นไปได้ว่ากลุ่มผู้ต้องหาน่าจะจ่ายเงินค่าคุ้มครองให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย
 
          ทั้งนี้ พ.ต.อ. สีหนาท กล่าวในตอนท้ายว่า คาดว่าทาง สตช. จะสามารถรวบรวมข้อหาการกระทำผิดของผู้ต้องหาทั้งหมดให้ทาง ปปง. โดยเร็ว เพื่อที่จะดำเนินการยึดทรัพย์ภายใน 2 สัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้กระทำผิดระดับสูงสุดน่ามีแค่ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ เท่านั้น ไม่น่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลังตำแหน่งสูงไปมากกว่านี้ และคาดว่าคงจะมีการนำ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ พร้อมพวก เข้าสู่การพิจารณาเพื่อยึดและอายัดทรัพย์ได้ภายในเดือนหน้า

         ขณะที่ ช่วงเช้าวันนี้ (26 พฤศจิกายน 2557) พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ  ผช.ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีนี้ว่า ล่าสุด ทางทีมสืบสวนสอบสวนได้บุกตรวจค้นเซฟเฮ้าส์ของ อดีต ผบช.ก. อีก 2-3 จุด เพิ่มเติม ซึ่งพบตู้เซฟเพิ่มเติมอีกหลายตู้ด้วยกัน บางส่วนสามารถเปิดออกดูได้แล้ว บางส่วนยังไม่สามารถเปิดได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

         ส่วนกรณีที่อาจมีนายตำรวจระดับสูงอีกไม่ต่ำกว่า 30 นาย เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ด้วยนั้น พล.ต.ท. ประวุฒิ  ยืนยันว่า ตำรวจที่เกี่ยวข้องมีจำนวนไม่ได้มากขนาดนั้น แต่ยอมรับว่ามีจริง ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

       ขณะเดียวกัน ทางสำนักข่าวต่างประเทศก็ได้ประโคมข่าว 3 ตำรวจยศสูงของไทยถูกตั้งข้อหาหนัก พร้อมนำตัวดำเนินคดีทางกฎหมาย ร่วมพรรคพวกรวม 12 คน

        ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และเจ้าหน้าที่ระดับสูง อีก 2 นายของไทย ถูกนำตัวดำเนินคดี ตามข้อหาหมิ่นเบื้องสูง รับสินบนและคอร์รัปชั่น

         
โดยเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหลักฐานภาพเงินสดมูลค่ามหาศาล ที่ค้นพบในบ้านผู้ต้องหามาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน  พร้อมกับระบุว่า ผู้ต้องหามีการแอบอ้างเรียกรับผลประโยชน์จากบ่อนการพนันและผู้ที่ลักลอบค้า น้ำมันเถื่อน อย่างไรก็ตาม การสอบสวนผู้บัญชาการสอบสวนกลาง คนดังกล่าว อาจต้องมีการดำเนินการนานถึง 12 วัน เนื่องจากการตรวจสอบทรัพย์สินมีมากกว่า 10,000 รายการ

 







อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก













เรื่องที่คุณอาจสนใจ
บุกเซฟเฮ้าส์ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อีก 3 จุด-พบตู้เซฟอีกเพียบ อัปเดตล่าสุด 26 พฤศจิกายน 2557 เวลา 13:22:53 109,383 อ่าน
TOP