ประยุทธ์ ย้ำ รัฐบาลไม่ได้เผด็จการ อยากให้โฟกัสที่เจตนา
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
นายกรัฐมนตรี ยันรัฐบาลไม่ได้บริหารแบบเผด็จการ พร้อมตอบสื่อทุกคำถาม ย้ำไม่เคยยึดอำนาจเอาผลประโยชน์ประเทศเป็นของตัวเองแม้แต่บาทเดียว วอนอย่าโฟกัสที่มาจากรัฐประหาร ขอให้ดูเจตนาเป็นสำคัญ
วันนี้ (26 พฤศจิกายน 2557) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังจากการมอบรางวัลภาคอุตสาหกรรมดีเด่นประจำปี 2557 ว่า ในกรณีที่มีกลุ่มออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยนั้น รัฐบาลจะพยายามใช้หลักประชาธิปไตยให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างมีขอบเขต และต้องยอมรับว่าเป็นประชาธิปไตยที่มีกติกา ที่ผ่านมามีประชาธิปไตยเต็มใบ ทุกคนมีสิทธิ แต่บ้านเมืองกลับมีแต่ความวุ่นวาย โดยตนเองไม่ได้ปฏิเสธ แต่ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต จึงอยากขอทำงานตรงนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้หมดไป
พลเอก ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เผด็จการคือการยึดอำนาจ แต่ที่ผ่านมาตนไม่เคยยึดอำนาจหรือยึดผลประโยชน์ของประเทศมาเป็นของตัวเองแม้แต่บาทเดียว วันนี้ที่เข้ามาบริหารงานก็เพื่อประโยชน์ของประเทศทั้งสิ้น ทั้งนี้ขอยืนยันว่าการบริหารของรัฐบาลไม่ได้เผด็จการ พร้อมจะตอบสื่อทุกคำถาม และอยากให้กลับไปดูความหมายของเผด็จการว่าเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามอยากให้มองถึงเจตนาแท้จริงในการทำงาน มากกว่าที่มา โดยไม่ต้องสนใจว่าการรัฐประหารจะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ แต่ควรสนใจว่าทำอย่างไรประเทศถึงไม่เกิดความวุ่นวาย ซึ่งในอนาคตไม่ว่ารัฐบาลไหนจะเข้ามาบริหารประเทศ จะต้องมีธรรมมาภิบาล โปรงใส และไม่ทุจริต
นอกจากนี้ พลเอก ประยุทธ์ ยังได้พูดถึงเรื่องการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในวันที่ 26-27 พฤศจิกายนนี้ ว่า มีเป้าหมายเพื่อหารือการดำเนินงานให้กรอบของอาเซียนมีความเข้มแข็ง และหารือข้อสรุปการเชื่อมต่อโรงไฟฟ้าจากประเทศลาวมายังประเทศไทย พร้อมทั้งจะมุ่งเน้นเสริมสร้างความร่วมมือตามแนวชายแดน เพื่อพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงจะคุยเรื่องกรอบการพัฒนาร่วมกันในอนาคต การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแห่งที่ 5 รวมถึงการเชื่อมโยงทางรถไฟ พร้อมให้สื่อมวลชนพัฒนาความสามารถด้านภาษาเพื่อสามารถสื่อสารกับสื่อต่างชาติได้
ส่วนประเด็นที่รัฐบาลได้นำพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทยเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือ สนช. ในขณะที่ยังมีชาวสวนยางส่วนหนึ่งมองว่ายังไม่ครอบคลุม โดยยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีผลบังคับใช้ และยังสามารถปรับแก้ได้ เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนของกรรมาธิการ พร้อมกับขอร้องว่าอย่าตีความว่าสิ่งที่เข้าสู่ สนช. จะเป็นผลทางกฎหมายทันที เพราะสุดท้ายจะต้องส่งกลับมายัง ครม. เพื่อเสนอความเห็นอีกครั้ง จึงขอยืนยันว่าอะไรที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรัฐบาลจะไม่ทำ แต่หากมีความเดือดร้อนเล็กน้อยเกิดขึ้น ก็อาจเป็นเพราะการทำเพื่อส่วนรวมให้ประเทศเดินไปข้างหน้า..
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
