รวบทรงกลด ศรีประสงค์ 1 ใน 2 ผู้ต้องหายักยอกเงิน สจล. ได้แล้ว
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์ @MorningNewsTV3
ตำรวจรวบตัวทรงกลด ศรีประสงค์ 1 ใน 2 ผู้ต้องหายักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นเงิน 1,600 ล้านบาทได้แล้ว เบื้องต้น ทรงกลด ให้การปฏิเสธ อ้างถูก น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ บังคับโอนเงินเข้าบัญชีตนเอง
จากกรณีที่มีรายงานข่าวว่า เงินกองกลางของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จำนวน 3,000 ล้านบาท ถูกยักยอกหายไปจากบัญชีถึง 1,600 ล้านบาท โดยทางมหาวิทยาลัยทราบเรื่องนี้เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากต้องการเบิกเงินไปใช้ในโครงการที่ผ่านการอนุมัติ แต่ธนาคารกลับปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยอ้างว่าเงินในบัญชีมีไม่เพียงพอ และเมื่อตรวจสอบจึงพบว่าเงินในบัญชีเหลือเพียง 1,400 ล้านบาทเท่านั้น ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น
ผู้สื่อข่าวได้รายงานความคืบหน้าว่า เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2557 พ.ต.อ. จิรภพ ภูริเดช รักษาราชการแทน ผกก.1 บก.ป. เปิดเผยว่า พ.ต.ท. พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป. ซึ่งเป็นผู้รับเรื่องแจ้งความจากทนายความของ รศ. ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เร่งดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ ประกอบด้วย
1. น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผู้อำนวยการส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
2. นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์
ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 264, 265 และ 268 ประกอบมาตรา 83
พ.ต.ท. พงษ์ไสว ยังเปิดเผยอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2557 น.ส.อำพร ซึ่งเป็น 1 ในผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้เสนอให้นำเงินกองกลางของ สจล. ที่ฝากไว้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ไปฝากกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ แทน เนื่องจากการฝากเงินที่สาขาเดิมได้ดอกเบี้ยน้อย โดยหลังจากได้รับการอนุมัติ น.ส.อำพร ก็ได้นำเงินที่ถอนไปซื้อแคชเชียร์เช็ค ก่อนนำไปเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยาสาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ ซึ่งมีนายทรงกลด เป็นผู้จัดการสาขา จำนวน 50 ล้านบาท
และในวันต่อมา น.ส.อำพร ก็มาถอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขานิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง จำนวน 30 ล้านบาท และซื้อแคชเชียร์เช็ค ก่อนนำเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 80 ล้านบาท แต่กลับมีการแจ้งว่า ยอดเงินทั้งหมดนั้นถูกนำไปฝากไว้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาห้างบิ๊กซี สุวินทวงศ์ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีการทำบัญชีธนาคารปลอม และยอดเงินทั้งหมดถูกถอนออกไปหมดแล้ว
จนกระทั่งนายเผ่าภัค ศิริสุข รักษาราชการแทนอธิการบดี สจล. พบข้อพิรุธเกี่ยวกับเงินกองกลางของ สจล. จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบบัญชีธนาคารตามที่มีการกล่าวอ้างว่า ได้นำเงินเข้าบัญชีธนาคารนั้น ๆ กระทั่งพบว่าไม่มีการนำเงินเข้าบัญชีธนาคารแต่อย่างใด ส่วนรายการยอดเงินในบัญชีเป็นเพียงรายการปลอมที่ทำขึ้น เพื่อหลอกลวงว่าเงินยังมีอยู่ในบัญชีธนาคารเท่านั้น ทาง สจล. จึงได้ดำเนินการตรวจสอบเงินกองกลางที่ฝากไว้ในบัญชีธนาคารต่าง ๆ ย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบัน จึงพบว่ามีการยักยอกเงินไปแล้วรวม 1,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นความเสียหายอย่างมากต่อ สจล.
มีรายงานว่า ศาลอนุมัติหมายจับ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และนายทรงกลด ศรีประสงค์ ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ แล้ว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายทรงกลด ศรีประสงค์ ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2557 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมได้ที่บ้านพักย่านอ่อนนุชแล้ว ส่วน น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผอ.ส่วนการคลัง สจล. เจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยูาระหว่างการติดตามตัว
จากการสอบสวนนายทรงกลด ได้ให้การภาคเสธ พร้อมระบุว่า ตนถูก น.ส.อำพร บังคับให้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง โดยที่ไม่ได้รับส่วนแบ่งด้วย อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนายทรงกลด โดยจะมีการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
ข่าวกิตติศักดิ์ มัทธุจัด แบบอัพเดททั้งหมดคลิกเลยอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
