หลวงปู่หงษ์
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หลวงปู่หงษ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดเพชรบุรี มรณภาพ ทิ้งทรัพย์สมบัติกว่า 5 พันล้าน ทำญาติเปิดศึกชิงมรดกกับวัด เข้าขวางตรวจสอบทรัพย์สิน แม้ศาลจะตัดสินให้วัดเป็นผู้จัดการมรดก จนต้องฟ้องร้องกันวุ่นวาย
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชาวบ้านใน ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ กำลังวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีพิพาทเรื่องการแย่งชิงมรดก และทรัพย์สินของพระครูประสาท พรหมคุณ หรือหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน เกจิอาจารย์ชื่อดังที่มรณภาพไปเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2557 ซึ่งทางวัดได้เก็บสรีระของหลวงปู่ไว้ในโลงแก้วที่วัดตามความประสงค์ ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่วัดเพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น
โดย นางรัตนา เกษมบุญ อายุ 57 ปี กรรมการวัดเพชรบุรี ได้ออกมาแถลงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ระบุว่า ในเรื่องทรัพย์สินนั้น ทางกรรมการวัดกว่า 20 คน ได้มีมติเอกฉันท์ว่า ทรัพย์สินทั้งหมด ทั้งที่เป็นชื่อหลวงปู่หงษ์ ลูกศิษย์ ญาติพี่น้อง หรือผู้ใกล้ชิด ควรตกเป็นของวัดและแผ่นดิน เพื่อนำมาใช้พัฒนาวัดและทำนุบำรุงพระศาสนาตามเจตนาของผู้บริจาค ไม่ควรนำไปใช้ส่วนตัวหรือพวกพ้องซึ่งเป็นการผิดเจตนารมณ์ของผู้บริจาค แต่เรื่องนี้ได้รับการคัดค้านจาก นายกิตติศักดิ์ คันธกุล ที่อ้างว่าเป็นผู้ได้รับมรดกจากหลวงปู่หงษ์
นางรัตนา กล่าวต่อว่า ดังนั้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา ทางวัดได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกและทรัพย์สินทั้งหมดต่อศาลจังหวัดสุรินทร์ และศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ให้วัดเป็นผู้จัดการทรัพย์สินและมรดกของหลวงปู่หงษ์ทั้งหมด ซึ่งยังไม่ทราบตัวเลขที่แน่นอนแต่คาดว่าน่าจะถึง 5 พันล้านบาท กระทั่งเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม คณะกรรมการวัดได้เข้าตรวจสอบทรัพย์สินที่กุฏิหลวงปู่หงษ์ ซึ่งเป็นที่เก็บเงินสด วัตถุมงคลล้ำค่า รวมทั้งโฉนดที่ดินจำนวนมาก แต่ถูกกลุ่มคนที่อ้างตัวเป็นเครือญาติของหลวงปู่หงษ์เข้าขัดขวาง ด้วยการนำโซ่มาคล้องประตู ทางวัดจึงต้องเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ทุ่งมน
นางรัตนา กล่าวอีกว่า นอกจากทรัพย์สินที่เก็บอยู่ภายในกุฏิแล้ว ยังมีทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ เช่น สุสานทุ่งมนพื้นที่กว่า 20 ไร่ ที่หลวงปู่หงษ์พัฒนาจากป่าช้าเป็นสุสานและใช้เป็นสถานที่ให้พุทธศาสนิกชนเข้าปฏิบัติธรรม, อาคารบ้านเช่า, รถยนต์ประมาณ 10-20 คัน, บัญชีเงินฝาก และที่ดินอีกหลายพันไร่ ซึ่งทางวัดได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้สั่งอายัดบัญชีเบื้องต้น 7 บัญชี วงเงิน 49 ล้านบาท พร้อมฟ้องร้อง นายเสกสันต์ พรมมนุษย์ กับพวก อีก 6 คน อายัดเงินทั้งหมดเพื่อขอตรวจสอบ อีกทั้งเตรียมขออายัดโฉนดที่ดินและเอกสารสิทธิ์อีก 21 แปลง เนื้อที่นับพันไร่ใน จ.สุรินทร์ และจ.บุรีรัมย์ รวมทั้งสวนป่าอีกหลายร้อยไร่ และเตรียมดำเนินคดีอาญาฐานยักยอกทรัพย์กับผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก รวมทั้งฟ้องขับไล่ผู้ที่บุกรุกวัดและขัดขวางในการตรวจสอบทรัพย์สินในครั้งนี้ด้วย
ขณะที่ นายทวีศักดิ์ ยงยิ่งยืน อายุ 55 ปี เลขานุการฝ่ายฆราวาส พระสมชาย คเวสโก รองเจ้าอาวาสวัดเพชรบุรี รักษาการแทนไวยาวัจกร ได้กล่าวชี้แจงว่า การที่วัดดำเนินการดังกล่าวเป็นไปเพื่อส่วนร่วม ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เพราะตาม พ.ร.บ.สงฆ์ บุคคลที่บวชพระถือเป็นบุคคลสาธารณะ ตัดขาดจากทางโลก ไม่เกี่ยวข้องกับญาติพี่น้อง ดังนั้นเมื่อมรณภาพจึงต้องเรียกทรัพย์สินทั้งหมดตกเป็นของวัดและแผ่นดิน รวมทั้งที่ดินก็ตกเป็นของธรณีสงฆ์ แม้กระทั่งหลังหลวงปู่หงษ์มรณภาพไปแล้ว ก็ยังมีผู้มีจิตศรัทธามาทำบุญที่วัดอย่างเนืองแน่น สมบัติทุกชิ้นจึงควรตกเป็นของวัด ใครจะเป็นผู้ครอบครองไม่ได้ ขอให้พุทธศาสนิกชนเข้าใจในการดำเนินการครั้งนี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
