x close

น้ำตาซึม.. เรื่องราวชีวิตนักโทษหญิงไทยในญี่ปุ่น ต้องจากลูกน้อยหลังคลอดในคุก


น้ำตาซึม.. เรื่องราวชีวิตนักโทษหญิงไทยในญี่ปุ่น ต้องจากลูกน้อยหลังคลอดในคุก
น้ำตาซึม.. เรื่องราวชีวิตนักโทษหญิงไทยในญี่ปุ่น ต้องจากลูกน้อยหลังคลอดในคุก


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

            เฟซบุ๊ก สถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เผยเรื่องราวสุดดราม่า ชีวิตนักโทษหญิงไทยในญี่ปุ่น ซึ่งต้องจากลูกน้อยนับ 10 ปี หลังคลอดในคุก

            เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2558 เฟซบุ๊กเพจ 在東京タイ王国大使館 สถานเอกอัครราชทูตไทย 〆 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการโพสต์บอกเล่าเรื่องราวน่าสะเทือนใจ ของนักโทษหญิงไทยที่คลอดลูกในเรือนจำญี่ปุ่น หลังตั้งท้องก่อนถูกจับ ก่อนที่จะต้องจากลูกน้อยนานนับ 10 ปี เนื่องจากความผิดที่เธอก่อไว้ โดยมีข้อความทั้งหมด ดังนี้

            "เรื่องนักโทษไทยคลอดลูกในเรือนจำ

            วันนี้สถานทูตฯ ได้มีโอกาสไปเยี่ยมนักโทษคดีลักลอบนำเข้ายาเสพติด ที่เรือนจำในญี่ปุ่น แต่ที่พิเศษกว่านักโทษคนอื่นนั้น เนื่องจากนักโทษหญิงคนนี้ เธอไม่รู้ตัวว่าตั้งท้องจนมาถูกจับที่ญี่ปุ่น ในระหว่างที่รับโทษอยู่ในเรือนจำ เธอได้คลอดลูกที่นั่นในที่สุด หลังจากคลอด เด็กถูกส่งไปอยู่ที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กทันที ส่วนแม่นั้นถูกส่งตัวกลับเข้าเรือนจำ และทางการญี่ปุ่น มีคำสั่งให้ส่งเด็กคนนี้ออกนอกประเทศภายใน 60 วัน หลังจากเกิด

            สถานทูตฯ ได้ติดต่อญาตินักโทษคนนั้นเพื่อให้เป็นผู้อุปการะเด็ก แต่ญาติปฏิเสธ เนื่องจากฐานะการเงินที่ไม่พร้อม ชะตาชีวิตของน้องจึงต้องไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กอ่อนที่เมืองไทย วันนี้สถานทูตฯ พาเด็กมาพบและลาแม่ก่อนที่จะไม่ได้พบกันอีกเกือบ 10 ปี นาทีแรกที่แม่พบหน้าลูกผ่านกระจกในห้องขัง น้ำตาแห่งความคิดถึง และความห่วงหา พรั่งพรูออกมาจากตาของนักโทษหญิง เธอเริ่มสำนึกถึงสิ่งที่เธอกระทำผิดจนทำให้ไม่สามารถเลี้ยงดูลูกน้อยของตัวเองได้

            สถานทูตฯ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทางการญี่ปุ่น และยังได้รับเงินบริจาคจากข้าราชการไทยในสำนักงานต่าง ๆในญี่ปุ่น เพื่อนำไปซื้อของใช้ที่จำเป็นสำหรับนักโทษ จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้

            ทั้งนี้ สถานทูตฯ อยากเตือนคนไทยที่กำลังคิดอยากรวยทางลัดจนมองไม่เห็นสิ่งที่ถูกหรือผิด ซึ่งสิ่งนั้นไม่ได้ส่งผลเดือดร้อนแต่ตนเองเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงคนที่เรารักหรือรักเราที่สุดด้วย สถานทูตฯ ก็ได้แต่หวังว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์เศร้าใจเช่นนี้อีก"

            งานนี้ก็ได้มีชาวเน็ตเข้ามากดไลค์และแชร์เรื่องราวนี้ต่อไปเป็นจำนวนมาก บ้างก็สงสารเด็กและเศร้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น บ้างก็มองว่าญาติไม่น่าปฏิเสธการรับเลี้ยงเด็ก ในขณะที่บางส่วนก็เห็นต่างว่า ทางญาติอาจจะไม่พร้อม หากรับเด็กไปเลี้ยง ก็อาจจะมีปัญหาตามมาอีกก็เป็นได้




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
น้ำตาซึม.. เรื่องราวชีวิตนักโทษหญิงไทยในญี่ปุ่น ต้องจากลูกน้อยหลังคลอดในคุก โพสต์เมื่อ 29 มกราคม 2558 เวลา 22:56:10 59,534 อ่าน
TOP