ครูพี่เลี้ยงเด็กเล็ก จ.อ่างทอง โร่แจ้งความ หลังเช็กเงินในบัญชีธนาคารหายนับแสนบาท ตำรวจระบุมีคนร้าย 2 คน ล่าสุดจับได้ 1 คน ปฎิเสธไม่รู้เห็น อ้างนึกว่าเงินของลูกค้าสั่งซื้อเสื้อผ้าออนไลน์
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 กุมภาพันธ 2558) ได้รับแจ้งจาก น.ส.สุธินันท์ โอฐยิ้มพราย อายุ 41 ปี อาชีพครูพี่เลี้ยงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัด อบต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ว่าเงินในบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาป่าโมก ที่ฝากไว้หายไป
โดย น.ส.สุธินันท์ ระบุว่า บัญชีดังกล่าวทาง อบต.โอนเงินเดือนของตนเข้าเป็นประจำทุกเดือน และตนเองยืนยันว่าไม่เคยเบิกนำออกมาใช้มาเลย กระทั่งเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2557 ที่ผ่านมา ตนได้นำสมุดธนาคารไปปรับดูยอดเงินในบัญชี ขณะนั้นยังมียอดเงินอยู่ในบัญชีประมาณกว่า 1.8 แสนบาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2557 ตนมีความจำเป็นต้องใช้เงินประมาณ 30,000 บาท จึงนำบัตรเอทีเอ็มไปกด ปรากฏว่าไม่สามารถกดได้ เนื่องจากมีเงินในบัญชีไม่เพียงพอ เมื่อตรวจสอบยอดเงินพบว่าเหลืออยู่ประมาณ 25,000 บาท จึงได้รู้ว่าเงินหายไป แต่เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดตนเลยรอไปติดต่อวันที่ธนาคารเปิด คือ วันที่ 8 ธันวาคม 2557 ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย ได้ทำการตรวจสอบพบว่ามีการเบิกถอนจริง โดยเป็นการทำธุรกรรมทางโทรศัพท์ ภายในช่วง ตุลาคม-พฤศจิกายน 2557 ประมาณ 30 กว่าครั้ง
โดยในแต่ละครั้ง จำนวนเงินที่ถอนออกไปจำนวนเงิน 3,000-5,000 บาท บางวันมีการเบิกถอนถึง 2 ครั้ง สรุปยอดที่สูญหายทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน 128,800 บาท แต่ น.ส.สุธินันท์ ยืนยันว่าตนไม่เคยทำธุรกรรมทางโทรศัพท์แต่อย่างใด อีกทั้งยังทำไม่เป็นอีกด้วย รวมทั้งไม่เคยมีการทำบัตรเครดิตใด ๆ ทั้งสิ้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารจึงทำหนังสือไปที่สำนักงานใหญ่เพื่อตรวจสอบ จนสามารถรู้ถึงหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ทำธุรกรรมและชื่อบัญชีที่มีการโอนเงินเข้าไป ตนจึงรีบเข้าแจ้งความที่ สภ.ป่าโมก ทันที
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังได้รับแจ้ง ได้เร่งทำการสืบสวนจากหลักฐานที่ทางธนาคารได้นำมาให้ จนสืบทราบว่าผู้ต้องหาในคดีนี้ มีทั้งหมด 2 คน เป็นชาย 1 หญิง 1 ล่าสุดสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 1 คน โดยสามารถจับกุมได้ที่ บริเวณด่านชายแดน ต.ม.สระแก้ว จ.สระแก้ว ทราบชื่อต่อมาคือ นายรังสรรค์ ประกอบผล อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 304/60 ถ.พหลโยธิน แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบุคคลปลายทางที่รับโอนเงิน จากบัญชี น.ส.สุธินันท์
เบื้องต้น นายรังสรรค์ ได้ให้การปฏิเสธไม่รู้เห็นถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยอ้างว่าตนเองประกอบอาชีพ ค้าขายเสื้อผ้าทางออนไลน์ เงินที่โอนเข้ามาก็คิดว่าเป็นเงินที่ลูกค้าโอนเข้ามาชำระค่าสินค้าเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนพร้อมขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
