ข่าวไอซ์ ศรัณยู ขับรถชนคนตาย ล่าสุด เจ้าตัวตั้งโต๊ะแถลงข่าวทั้งน้ำตา บอกรู้สึกเสียใจมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ย้ำไม่เคยคิดหนี ไม่เคยหลบ พร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง
วันที่ 11 พฤษภาคม 2558 นายศรัณยู วินัยภานิช หรือไอซ์ ศรัณยู นักร้องและศิลปินชื่อดัง พร้อมด้วยนายสมยศ วินัยพาณิช อายุ 59 ปี คุณพ่อ และนางกรรณ์ทิมา อายุ 59 ปี คุณแม่ แถลงข่าวถึงเหตุการณ์หลังจากเกิดอุบัติเหตุขับรถชน นายวิชัย ใยทอง อายุ 43 ปี ที่ซอยมัยลาภ ย่านรามอินทรา จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ ไอซ์ ศรัณยู เล่าว่า เหตุการณ์ขณะที่ตนกำลังขับรถกลับจากไปงานร้องเพลงย่านเจริญกรุง เวลาประมาณ 5 ทุ่ม แต่ในระหว่างซอยรามอินทรา 14 ไม่มีไฟ คาดว่าไฟข้างทางน่าจะเสีย ทำให้ทางข้างหน้ามืดทั้งถนน ตนก็พยายามใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เต็มที่ แต่ก็เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นอย่างที่เป็นข่าว ตนไม่สามารถบอกได้ว่าเขาตัดหน้าหรืออย่างไร เพราะว่ามันกะทันหันมาก ตนยืนยันว่าวันนั้นขับไม่เร็ว เพราะซอยมัยลาภเป็นเขตชุมชน ซึ่งในวันนั้นก็มีแท็กซี่ขับตามเรามาและชนท้ายเราด้วยเหมือนกัน พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่มีอาการเหนื่อยล้า วูบ หรืออาการเมาแน่นอน สิ่งแรกที่ตนทำเมื่อลงไปหาผู้บาดเจ็บคือยกมือไหว้แล้วก็ขอโทษ หลังจากนั้นก็โทรหาเพื่อนและตามไปโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี และช่วงเช้ามืดก็ติดต่อประสานงานย้ายไปโรงพยาบาลลาดพร้าว เพื่อดูแลรักษาผู้บาดเจ็บเต็มที่
ไอซ์ ศรัณยู กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเหตุตนก็ไปโรงพยาบาลแต่เช้า และตลอดระยะเวลาที่ผู้ตายเข้ารักษาตัวไม่มีวันไหนเลยที่ตนไม่ไปเยี่ยม ไม่เคยหนี ไม่เคยหลบ รับผิดชอบทุกอย่าง จนถึงพี่เขาเสียชีวิตตนก็ได้มีการมอบเงินสดจำนวนหนึ่งในการจัดงานศพ และอำนวยความสะดวกในการขนย้ายศพ และเมื่อวานตนและครอบครัวก็ได้ไปร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพด้วย
ส่วนทางด้านญาติของผู้ตายก็ให้การต้อนรับและเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ มีการผูกข้อไม่ข้อมือให้กับตนด้วย ในส่วนของการรับทราบข้อกล่าวหา โดยตนได้เข้าไปที่สถานีตำรวจเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและทำทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้ว
ในตอนท้าย ไอซ์ ศรัณยู กล่าวว่า ต้องขอบคุณทุกกำลังใจและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทุกฝ่าย ครอบครัวของผู้เสียชีวิต และตัวของผู้เสียชีวิตด้วย ในส่วนของเรื่องค่าเสียหายตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับทางญาติผู้ตาย เรื่องขับรถตอนนี้ตนคงไม่กล้าขับไปอีกพักนึงเลย แค่ตอนนี้เห็นถนนมืด ๆ ก็กลัวแล้ว
เกาะติดข่าวไอซ์ ศรัณยู ขับรถชนคน ทั้งหมดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
สำนักข่าว INN
