กสทช. ขู่ เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ไม่ตอบกลับหนังสือทวงเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลงวดที่ 2 ภายใน 15 วัน เล็งบุกทวงเงินธนาคารกรุงเทพ
จากกรณีนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ "เจ๊ติ๋ม" เจ้าของธุรกิจสื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่ทีวีพูล ในฐานะประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยทีวี จำกัด ส่งหนังสือสองฉบับถึง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อขอยกเลิกทีวีดิจิตอล 2 ช่องข่าวและสาร ไทยทีวี และช่องโลก้า ช่องเด็กและครอบครัว เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมประกาศจุดยืนว่าจะไม่จ่ายค่าสัมปทานงวดที่ 2
ล่าสุด วันที่ 28 พฤษภาคม 2558 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ทาง กสทช. ได้ลงนามในหนังสือแจ้งไปยัง บริษัท ไทยทีวี จำกัด เพื่อขอให้บริษัท ไทยทีวี จำกัด ดำเนินการชำระเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลงวดที่ 2 พร้อมชำระเบี้ยปรับ 7.5% ต่อปี เนื่องจากเลยกำหนดชำระตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังพบว่า บริษัท ไทยทีวี จำกัด ยังเป็นผู้ถือครองใบอนุญาตทีวีดิจิตอล จำนวน 2 ช่อง ได้แก่ ช่องไทยทีวีและช่องโลก้า
สำหรับหนังสือที่ส่งไปยัง บริษัท ไทยทีวี จำกัด มีการระบุว่า ขอให้ บริษัท ไทยทีวี จำกัด ตอบกลับหนังสือภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ ซึ่งในกรณีดังกล่าว หากบริษัทไทยทีวีขอเลื่อนชำระหนี้ ทาง กสทช. ก็จะอนุโลมให้เลื่อนเวลาออกไป แต่ก็ต้องรับภาระชำระเบี้ยปรับ 7.5% ต่อปี
แต่หากทางบริษัท ไทยทีวี จำกัด ตอบหนังสือกลับมาว่า จะไม่ชำระเงินในส่วนดังกล่าว หรือเพิกเฉยไม่ตอบกลับหนังสือใน 15 วัน ทาง กสทช. จะดำเนินการนำหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงิน (แบงก์การันตี) ไปขอขึ้นเงินกับทางสถาบันการเงินที่รับรองให้ บริษัท ไทยทีวี จำกัด ทันที นั่นคือ ธนาคารกรุงเทพ
นายฐากร กล่าวต่อว่า ในกระบวนการขอขึ้นเงินจากแบงก์การันตีนั้น กสทช. ต้องนำแบงก์การันตี ไปฟ้องบังคับคดีต่อธนาคารที่ออกแบงก์การันตี เพื่อขอให้ชำระเงินแก่ กสทช. แทนผู้ประกอบการ หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของธนาคารที่ต้องไปทวงหนี้กับผู้ขอออกแบงก์การันตี โดยตามระเบียบแล้ว กสทช. ย่อมต้องได้รับเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลงวดที่ 2 อย่างแน่นอน ส่วนธนาคารที่ออกแบงก์การันตีนั้น กสทช. เชื่อว่าไม่น่าได้รับความเสียหาย เนื่องจากก่อนมีการออกแบงก์การันตี ผู้ขอย่อมต้องมีหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงกว่ามาค้ำประกันอยู่ก่อนแล้ว
และหลังจากที่ กสทช. ได้รับเงินจากสถาบันการเงินแล้ว ก็จะดำเนินการฟ้องร้องผู้ประกอบ เพื่อเรียกค่าดอกเบี้ยที่เลยกำหนดชำระเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลในงวดที่ 2 ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ธนาคารได้ชำระหนี้ให้เสร็จสิ้น
นายฐากร กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนอยากขอให้คุณติ๋ม คิดให้ดี ๆ อีกครั้ง ว่าควรทำอย่างไร เพราะการที่คุณติ๋มไม่จ่ายเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลในงวดที่ 2 อย่างไร กสทช. ก็สามารถไปขึ้นเงินได้กับธนาคารที่ออกแบงก์การันตี ซึ่งหลังจากนั้น ธนาคารก็ไปแจ้งเอาเงินจากไทยทีวีได้อีกต่อหนึ่งอยู่ดี และโดยส่วนตัวตนอยากให้คุณติ๋มสู้ต่อ เนื่องจากจะทำทีวีดิจิตอลต่อหรือไม่ ก็ต้องจ่ายเงินให้ กสทช. อยู่ดี
ภาพจาก Thaitv TUBE สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
