คุณแม่เงิบไปเลย เมื่อลูกสาวตัวน้อยบอกว่า.. หนูอยากแต่งงานกับเขา คลิปสะท้อนสังคมที่ชาวเน็ตชื่นชมในการสอนของแม่ หลังเจอคำพูดที่ไม่คาดฝันจากลูกสาว
เด็กนั้นเปรียบเสมือนกับผ้าขาว ที่มีความคิดอ่านบริสุทธิ์และยังขาดประสบการณ์ในการคิดตริตรอง ดังนั้นจึงนับเป็นหน้าที่ของผู้ปกครอง ที่จะเป็นผู้ช่วยชี้แนะสิ่งที่ถูกและให้คำแนะนำแก่ลูก ๆ ดังเช่นคุณแม่รายนี้ที่ได้บันทึกภาพขณะสอนลูกน้อยของเธอที่กำลังงอแง เพราะอยากเป็นแฟนและแต่งงานกับเพื่อนคนหนึ่ง ในคลิป "แม่เงิบไปเลย หนูอยากแต่งงานกับเขา..." ที่ทางเพจ "คลิปดังเฟสบุ๊ค" ได้นำมาแชร์ให้ชาวโซเชียลได้ชมกันเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2558
โดยจากคลิป เผยให้เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังงอแง ร้องไห้โวยวายว่า "ไม่เอา หนูอยากเป็นแฟนเขาตอนนี้"
คุณแม่จึงพูดกับลูกอย่างใจเย็นว่า "ไม่ได้ลูก หนูต้องเรียนให้จบก่อนนะคะ"
เมื่อเห็นลูกร้องจะไม่ยอม คุณแม่ก็พูดด้วยเสียงที่เข้มขึ้นนิดนึงว่า "เป็นเพื่อนกันไปก่อน"
เมื่อถูกขัดใจ น้องก็ร้องตะโกนว่า "ไม่เอาาาาา"
เห็นดังนั้นคุณแม่จึงพูดสอนอีกว่า "ห้ามตะโกนใส่แม่ค่ะ ไม่น่ารักเลย ถ้าเป็นแบบนี้หนูต้องตกนรกนะลูก ต้องมีเหตุผลนะคะ"
น้องดูใจเย็นลง และพูดต่อว่า "ก็ได้"
คุณแม่เห็นดังนั้นจึงเริ่มสอนลูกต่อว่า "จะเป็นแฟนกันตอนนี้ไม่ได้นะ"
ลูกถามด้วยความไม่เข้าใจว่า "ทำไมอะ"
คุณแม่ตอบว่า "หนูยังเล็กอยู่ หนูยังเรียนไม่จบ"
เมื่อเห็นลูกจะเริ่มร้องอีกครั้ง คุณแม่ก็พูดว่า "ไม่ใช่ตื่นมาก็คิดถึงคุณปันปัน หนูต้องตั้งใจเรียนก่อน"
"หนูรักคุณปันปันเค้าอ่า..." เด็กน้อยตอบ คุณแม่จึงบอกว่า "ก็เป็นเพื่อนกันไปก่อน คบหาดูใจก่อน"
หลังจากนั้นลูกสาวก็ยังคงร้องไห้งอแง คุณแม่จึงบอกว่าไม่ให้ตะโกนพูด จากนั้นจึงสอนต่ออีกครั้งว่า "แม่บอกว่าหนูยังเรียนไม่จบเลย ตั้งใจเรียน รับปริญญาก่อนแล้วค่อยมีแฟน"
เด็กน้องดูสงบลง แต่แล้วก็เบะปากร้องอีก "หนูอยากมีแฟน หนูอยากแต่งงานกับคุณปันปันอะ"
คุณแม่จึงย้ำอีกครั้งว่า "ต้องเรียนจบก่อนไม่ใช่ตอนนี้" คุณแม่ยังย้ำด้วยว่า รอให้ลูกหายจากอาการไม่สบายก่อน แล้วค่อยไปโรงเรียน เรียนให้จบ รับปริญญาก่อนแล้วจึงค่อยเป็นแฟนกัน
เมื่อเห็นลูกสาวยังร้องไม่หยุด คุณแม่ก็ต่อรองว่า "เป็นเพื่อนสนิทก่อนได้ไหม เป็นเพื่อนสนิทที่สุดก่อนได้ไหม"
แต่ลูกสาวยังคงไม่ยอม ยืนยันว่าอยากจะเป็นแฟนกับเพื่อน แม่จึงถามขึ้นว่า "แล้วเป็นแฟนยังไงล่ะ"
ลูกสาวจึงตอบว่า "เราเป็นแฟนแล้วรักกัน เรานอนใกล้กัน"
เมื่อได้ยินอย่างนั้นทำให้คุณแม่ถึงกับขำ แล้วถามว่านอนใกล้กันที่ไหน ซึ่งลูกสาวก็ตอบอย่างซื่อ ๆ ว่า ที่โรงเรียน
"เดี๋ยวแม่จะบอกครู ให้ย้ายคุณปันปันไปนอนหน้าห้องน้ำ แล้วให้หนูนอนหน้าห้อง จะได้เลิกเป็นแฟนกัน เป็นแค่เพื่อนกันก็พอ" คุณแม่พูดขำ ๆ
ลูกสาวยังไม่ยอม และยังร้องโวยวายว่ารักคุณปันปัน คุณแม่จึงถามขึ้นว่าไม่รักแม่แล้วเหรอ ซึ่งเด็กน้อยก็บอกว่า "รักแม่ทำให้หนูเสียใจ"
คุณแม่ยังพยายามพูดกับลูกสาวด้วยเหตุผล แต่เด็กน้อยก็ยังไม่ยอมฟังง่าย ๆ แล้วเริ่มโวยวาย คุณแม่จึงพูดถึงว่า "ไม่ตะโกนพูดกับแม่สิลูก แม่ไม่ให้ตะโกนพูด ขอโทษแม่เดี๋ยวนี้เลย"
แม้ว่าจะยังไม่ได้ดั่งใจ แต่เด็กน้อยก็ยกมือขึ้นไหว้ขอโทษคุณแม่แต่โดยดี
"ไม่ตะโกนพูดนะลูก มีเหตุผลหน่อยนะคะ เราเป็นเพื่อนกันไปก่อน กับทุก ๆ คนเลย" คุณแม่สอนอีกครั้ง
ลูกสาวจึงถามว่าทำไม แล้วเมื่อคุณแม่ให้คำตอบว่าเป็นเพราะเธอยังเล็กอยู่ ลูกจึงบอกว่า อยากเป็นเหมือนคุณแม่ที่มีแฟน ซึ่งคุณแม่ก็ชี้แจงว่า เป็นเพราะแม่โตแล้ว รับปริญญาแล้ว จึงมีแฟนได้
เด็กน้อยจึงแย้งเบา ๆ ว่า "หนูโตแล้ว ดูขา ขาหนูใหญ่แล้ว" เห็นดังนั้นคุณแม่จึงได้แต่ขำแล้วแย้งว่าที่ขาใหญ่เป็นเพราะอ้วน
จากนั้นเด็กน้อยก็นิ่ง จนคุณแม่ถามอีกรอบว่า "เป็นเพื่อนกันไปก่อนได้ไหมคะ" ฝ่ายลูกสาวจึงยอมตกลงในที่สุด โดยมีข้อแม้ว่า "ได้ แต่ให้นอนใกล้กัน"
"ได้ ให้นอนใกล้ แต่เป็นเพื่อนกันไปก่อนนะ เดี๋ยวเรียนจบให้เป็นแฟนกันโอเคไหม" คุณแม่ถาม ซึ่งลูกสาวก็พยักหน้ารับคำ
จากนั้นลูกสาวก็พูดขึ้นว่า "คุณครูบอกให้หนูเป็นแฟน" คุณแม่จึงใช้ผ้าเช็ดหน้าให้ลูก ก่อนที่จะบอกว่า "เป็นเพื่อนพอ เดี๋ยวแม่ไปบอกครูเอง โอเคไหม"
จากนั้นลูกสาวก็ยอมตกลงในที่สุด
ก็เรียกว่าการสอนลูกของคุณแม่รายนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ขณะที่ชาวเน็ตส่วนมากก็มองว่าคลิปดังกล่าวนั้นเป็นคลิปที่น่ารัก และชื่นชมคุณแม่ที่สอนลูกสาวอย่างใจเย็น พร้อมชื่นชมฝ่ายลูกสาวที่ยอมใช้เหตุและผลในที่สุด แถมมีบางคนที่แอบแซวว่าอยากเห็นรูปถ่ายของ "คุณปันปัน" อีกด้วย
นอกจากนี้ หลายคนยังมองว่า เด็กนั้นมีความบริสุทธิ์ มีความรู้สึกที่ดีกับเพื่อนชาย แต่ยังเล็กเกินกว่าจะรู้ความหมายของคำว่า "แฟน" และ "แต่งงาน" ผู้ปกครองจะต้องค่อย ๆ สอนลูกอย่างใจเย็นดังเช่นในคลิป โดยเชื่อว่าเมื่อเด็กน้อยโตขึ้นก็จะรู้จักให้เหตุผลในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ขณะที่หลายคนมองว่าคลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่น่ารัก ยังมีชาวเน็ตบางรายที่มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการสะท้อนสังคมหลาย ๆ อย่าง เพราะจากในอดีตเด็กจะเล่นตุ๊กตา ในเด็กในยุคนี้กลับร้องไห้อยากมีแฟน จึงอยากให้ชาวเน็ตร่วมพิจารณากันด้วยว่ากำลังเกิดอะไรกับสังคม และอยากให้คุณแม่เฝ้าดูแลลูกอย่างใกล้ชิดและเอาใจใส่ต่อไป
world_id:559b55524d265a85108b4572
มีรายงานเพิ่มเติมว่า วันที่ 8 กรกฎาคม ในเฟซบุ๊กของคุณแม่ท่านนี้ได้แจ้งสมาชิกในโซเชียลฯ ว่า มีคนเล่นอินเทอร์เน็ตจำนวนน้อยเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ที่วิพากษ์วิจารณ์เสีย ๆ หาย ๆ เพราะไม่เข้าใจวิธีการสอนของทางครอบครัวและสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่เด็กคนหนึ่งงอแงตามธรรมชาติเท่านั้น ขณะเดียวกัน ก็มีคนเข้าไปคอมเม้นท์ให้กำลังใจคุณแม่จำนวนมาก อาทิ อย่าเครียดพี่....ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเราและครอบครัวเรา....อย่าไปสนใจคนที่มีความคิดต่ำ ๆ แบบนั้นเลยพี่....คนพวกนี้ด่าให้ตายก้อไม่สำนึก...สู้ ๆ น้า ๆ ๆ และ อย่าได้แคร์พวกที่คิดต่ำ ๆ เลยค่ะ ที่เราเห็น ๆ กันคือ น้องน่ารักและฉลาดมากค่ะ นี่คือที่คนส่วนใหญ่เค้าเห็นกัน....สู้ ๆ ค่ะ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก unan Wongpeng