พ.ต.ท. บรรยิน เข้า พบ ผบ.ตร. แสดงความบริสุทธิ์ใจ ปัดเอี่ยวปมสังหารชูวงษ์ แซ่ตั้ง เพื่อนนักธุรกิจหมื่นล้าน ส่วนผลชันสูตรพบ สมองบวม ถูกกระแทกด้วยของเเข็งจนตาย
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท. บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ เข้าพบ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและขอความเป็นธรรมหลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยกรณีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน และประธานกลุ่มวิทยาตลาดทุน กิจการเพื่อสังคม (วตท.) รุ่นที่ 20 โดยระบุว่า ที่ผ่านมาสื่อมวลชนนำเสนอข่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงมาพบกับ ผบ.ตร. เนื่องจากที่ผ่านมาตนไม่มีโอกาสชี้แจง ทั้งประเด็นอุบัติเหตุที่ไม่ใช่อุบัติเหตุจริง และอีกประเด็นคือเรื่องที่ผู้ตายได้โอนหุ้นต่าง ๆ
พ.ต.ท. บรรยิน กล่าวต่อไปว่า รายละเอียดปรากฏอยู่ในสำนวนอยู่แล้ว ตนและนายชูวงษ์ ได้ไปเล่นกอล์ฟกันแล้วขากลับก็ขับรถมาประสบอุบัติเหตุมีแค่นี้ ในวันนั้นมีพยานที่ร่วมเล่นกอล์ฟตั้งแต่เช้ายันเย็น มีการรับประทานอาหารร่วมกันและก็เดินทางกลับเท่านั้นเอง ส่วนกรณีข้อสงสัยว่าตนเป็นคนขอเป็นคนขับรถแทนคนขับรถของนายชูวงษ์ นั้นเป็นเพราะวันนั้นที่นัดกันหลังจากเรียนหลักสูตรวิทยาลัยตลาดทุน (วตท.) จบในวันพฤหัสบดี และในวันศุกร์นายชัช ชลวร และนายประพันธ์ คูณมี ได้มีการนัดไปตีกอล์ฟ ซึ่งนายประพันธ์ ได้มีการนัดนายประยุทธ มหากิจศิริ ไว้ก่อนหน้านี้แล้วที่สนามนี้ ก็เลยมีการชวนกันไป พอวันรุ่งขึ้น ทำให้ตนต้องไปขับรถแทนคนขับรถของนายชูวงษ์ เพราะวันนั้นตนไปพบนายชูวงษ์ที่บริษัทตอนเช้า ไปคุยกันเรื่องงานก่อสร้างที่นายชูวงษ์ รับทำบ้านให้ตน และได้เจอกับคนขับรถของนายชูวงษ์ ตนก็ถามว่าลูกพี่ไม่ได้เอาถุงกอล์ฟมาเหรอ คนขับรถบอกว่าไม่ได้เอามา ตนก็เลยไปคุยเรื่องงาน หลังจากคุยเสร็จ ถึงได้ทราบว่านายชูวงษ์ เข้าใจผิดเรื่องนัดวันตีกอล์ฟผิดเพราะคิดว่าเป็นวันเสาร์ นายชูวงษ์ จึงไม่มีถุงกอล์ฟ ตนเลยเสนอให้นายชูวงษ์ นั่งรถไปกับตนก่อน
จากนั้นจึงให้คนขับรถเอาถุงกอล์ฟไปส่งที่สนามกอล์ฟ ก็แค่นั้น พอคนขับรถของนายชูวงษ์ เอาถุงกอล์ฟมาส่ง และได้สั่งให้คนขับรถไปรอที่บ้าน เพราะบ้านอยู่ห่างจากสนามกอล์ฟไม่ไกลเท่าไร นายชูวงษ์ พูดกับตนว่าเดี๋ยวขากลับขอกลับด้วย ตนจะไปไล่คนขับรถเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของนายชูวงษ์ ที่จะต้องสั่งการกันเอง
พ.ต.ท. บรรยิน เล่าถึงเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุว่า ขณะที่ขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุ เป็นเส้นทางเดินรถ 4 เลน ฝั่งละ 2 เลน ซึ่งตนขับอยู่เลนที่ 2 ขณะที่เกิดเหตุได้มีรถแซงข้ามเลนมา ตนก็หักหลบเพราะมันกะทันหันและกลัวจะชน ตอนแรกตนหักมาเจอเสาไฟฟ้าและก็ได้หักหลบอีกทีก็มาชนฟุตปาธกระดอนขึ้นมาและลอยขึ้นมากระแทกและรถก็ไหลวิ่งไปชนที่ต้นไม้เกิดเหตุ คือตนไม่ได้ชนต้นไม้ตรง ๆ บางคนบอกว่าทำไมรถเสียหายไม่เยอะ แต่ทำไมมีคนเสียชีวิตได้อย่างไร เพราะไม่ได้ชนตรง ๆ เป็นการชนที่รถลอยและไปเสียบอยู่ตรงนั้น สื่อมวลชนไปดูได้ว่าต้นไม้ที่เกิดเหตุมันเอียง ๆ ถ้าตนมีเจตนาจะให้นายชูวงษ์ ตายก็คงหักหลบเอาข้างนายชูวงษ์เข้ามากกว่า
รู้สึกตัวอีกทีตอนที่ตื่นหลังจากสลบ มีคนมาเคาะกระจกเรียก มีพยานคนที่ยืนอยู่เรียกตน และพอตื่นขึ้นมาก็เห็นนายชูวงษ์ หน้าคว่ำและหัวอยู่ระหว่างคอนโซลกับเกียร์ ตนได้เรียกให้คนช่วยดึงนายชูวงษ์ แต่ไม่มีใครกล้า จึงให้เรียกหน่วยกู้ภัยด่วน ซึ่งตอนนั้นเข้าใจว่านายชูวงษ์ ยังมีชีวิตอยู่ เพราะทางหน่วยกู้ภัยบอกว่าชีพจรของนายชูวงษ์ ยังเต้นอยู่ ซึ่งระหว่างที่นั่งรถมานายชูวงษ์ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย
ส่วนกรณีที่มีข้อสังเกตการตายของนายชูวงษ์เกี่ยวข้องกับการโอนหุ้นก่อนเสียชีวิตนั้น อาจเป็นเพราะคิดว่าตนรู้เรื่องของนายชูวงษ์เยอะ ซึ่งข้อเท็จจริงคือการตายที่เกิดขึ้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ซึ่งการที่นายชูวงษ์ เอาหุ้นไปให้คนอื่นถือ เป็นเพราะไม่ต้องการให้มีใครรู้ว่าถือทรัพย์สินอะไรเท่าไร จึงต้องการเอาไปฝากไว้ เนื่องจากต้องการมีทรัพย์สินส่วนตัว ซึ่งการเสียชีวิตของนายชูวงษ์นั้น ตนคือผู้เสียประโยชน์ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการหลังจากนี้ อยากให้กระบวนการทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย เพราะหลักฐานทุกอย่างพนักงานสอบสวนได้มีการตรวจสอบหมดแล้ว สามารถตรวจสอบได้เต็มที่แต่อย่าสร้างประเด็นขึ้นมาว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ ตนไม่เคยก้าวก่ายทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งขณะนี้ตนได้มอบตัวและตกเป็นผู้ต้องหาเรียบร้อยแล้ว โดยแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้พาพยานที่ไปตีกอล์ฟด้วยกันไปให้ปากคำที่ สน.อุดมสุข ส่วนตนไม่ได้มีเจตนาหลบหนีทางเจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัวชั่วคราว
พ.ต.ท. บรรยิน กล่าวต่อว่า ตนกับผู้ตายมีความสนิทกันเป็นอย่างมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต และหากจะทำอย่างนั้นจริง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงเป็นผู้ต้องหาร่วม ไปจ้างใครมาทำร้ายเขาโดยไม่มีหลักฐานน่าจะง่ายกว่า
สำหรับรายงานผลชันสูตรศพ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พบบาดแผลช้ำบวมบริเวณศีรษะด้านซ้ายและด้านขวา มีบาดแผลที่คางถลอก 2 ข้าง ไหล่ซ้าย หน้าแข้งทั้ง 2 ข้าง บ่าช้ำม่วง ศีรษะพบรอยช้ำบริเวณด้านหลังซ้ายประมาณ 40 ตารางเซนติเมตร กะโหลกศีรษะสภาพปกติ สมองบวม มีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นในด้านซ้าย กระดูกสันหลังส่วนคอหัก กระดูกซี่โครงด้านหน้าทั้งซ้ายและขวาหักหลายซี่ ปอดช้ำ หัวใจคั่งเลือด เส้นเลือดเลี้ยงหัวใจหนาตัว พบมีเลือดคั่งในตับ ม้าม ไต ทั้งนี้แพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า เลือดออกในเยื่อหุ้มสมองชั้นใน สมองบวม จากการกระทบกระแทกของแข็ง
เกาะติด 
