พลิกแฟ้มปมเสียชีวิต ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เสี่ยหมื่นล้านเจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง หลังญาติพบพิรุธ ร้องนายกฯ รื้อคดี อุบัติเหตุ หรือ ฆาตกรรม
กลายเป็นข่าวครึกโครมที่สังคมให้ความสนใจ เมื่อ ลูก-เมียของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เสี่ยหมื่นล้านเจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ บุกศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ขอให้สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ จากคดีอุบัติเหตุปริศนาในช่วงค่ำของวันที่ 26 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา
หลังพนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข รับแจ้งเหตุรถเก๋งเลกซัส ทะเบียน ภฉ 1889 กรุงเทพมหานคร ที่มีนายตำรวจนอกราชการขับพุ่งชนต้นไม้ บริเวณฝั่งตรงข้ามซอย 61 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. ที่เกิดเหตุพบศพ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ เสียชีวิตที่เบาะนั่งด้านข้างคนขับ ตัวรถยนต์เสียหายไม่มาก กระจกไม่แตก
ชนวนแห่งความแคลงใจของลูกเมียนายชูวงษ์ เกิดขึ้นหลังงานศพนายชูวงษ์ ญาติพบเอกสารที่ส่งมาถึงผู้ตายจากบริษัทหลักทรัพย์แจ้งว่า ก่อนเกิดเหตุ 10 วัน นายชูวงษ์โอนหุ้นเข้าไปไว้ในบัญชีหุ้นของผู้หญิง 2 ราย มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท เมื่อสอบถามไปยังบริษัทดังกล่าว ทราบว่าผู้หญิงทั้ง 2 ราย เป็นตัวแทนของอดีตนายตำรวจที่เป็นเพื่อนสนิท และเป็นผู้ขับรถให้นายชูวงศ์นั่งในวันเกิดเหตุ
ทั้งยังพบข้อสงสัยอีกหลายประการ เช่น แม้ผู้ตายจะไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย แต่แรงกระแทกไม่น่าจะเป็นเหตุให้นายชูวงษ์เสียชีวิต ขณะที่อดีตนายตำรวจคนขับกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด และจากการตรวจของแพทย์ รพ.สิรินธร หลังเกิดเหตุ บริเวณช่องอกและช่องท้องผู้ตาย ไม่พบว่าช่องอกและท้องมีร่องรอยกระแทกอย่างรุนแรง หรือมีเลือดออกในช่องอกและช่องท้องตามที่อดีตนายตำรวจกล่าวอ้าง แต่กลับมีเลือดออกปาก จมูก หู เพราะศีรษะถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนกะโหลกศีรษะแตก
หลังได้รับหนังสือร้องเรียน พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้สั่งให้สอบสวนคดีดังกล่าวขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากมีเหตุเคลือบแคลงสงสัยในเหตุการตายหลายประการ โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ. จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบ ควบคู่กับกองบัญชาการตำรวจนครบาล เร่งทำงานสะสางปัญหาคาใจจากญาติ และสังคมให้กระจ่างโดยเร็วที่สุด
พร้อมสั่งการให้ตำรวจกระจายกำลัง ลงพื้นที่เพื่อเก็บภาพจากกล้องวงจรปิด และหลักฐานจากพยานแวดล้อมต่าง ๆ ที่มีผลต่อคดี เพื่อรวบรวมหลักฐานส่งให้กับทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อตรวจสอบอีกครั้ง
ทั้งนี้ยืนยันว่า ตนกับผู้ตายมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต และหากจะทำอย่างนั้นจริง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงเป็นผู้ต้องหาร่วม ไปจ้างใครมาทำร้ายเขาโดยไม่มีหลักฐานน่าจะง่ายกว่า นอกจากนี้ในวันเดียวกันลูกชายและพี่สาวของนายชูวงษ์ ได้นำหลักฐานการโอนหุ้นมูลค่า 228 ล้านบาท ที่พบให้ห้องทำงานของผู้ตาย มอบให้ พ.ต.อ. ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป. เพื่อประกอบสำนวนคดี
ต่อมาพนักงานสอบสวนกองปราบจึงได้เรียกตัว พริตตี้สาว ที่รับโอนหุ้นของนายชูวงษ์ โดยเจ้าตัวยอมรับว่าได้รับโอนหุ้นจากเสี่ยชูวงษ์ มูลค่า 228 ล้านบาท มาด้วยความสุจริต เสน่หา โดยหลังจากรับโอนหุ้นมา ได้ขายบางส่วนเพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นตัวใหม่ พร้อมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมลายเซ็น โดยยอมรับว่าตั้งครรภ์กับเสี่ยชูวงษ์ 8 เดือนแล้ว
ขณะที่แคดดี้สาวหนึ่งในสองคนที่ปรากฏชื่อเป็นผู้รับโอนหุ้นจากนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนของกองปราบปรามเช่นกัน พร้อมกับนำหลักฐานเป็นเอกสารเกี่ยวกับบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งมามอบให้กับตำรวจ โดยยอมรับว่าได้รับการโอนจากนายชูวงษ์จริง จำนวน 3 ตัว แต่มูลค่าไม่ถึง 40 ล้านบาทตามที่มีการพูดถึงก่อนหน้านี้ เป็นการโอนให้แบบฟรี ๆ ไม่มีค่าตอบแทนแต่อย่างใด พร้อมยอมรับว่ามีความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดกับนายชูวงษ์ในฐานะคนคบหาดูใจกัน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด (24 กรกฎาคม) พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าคดี ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมหลักฐานจนสามารถตอบข้อสงสัยได้แล้วกว่า 90% เหลืออีกเพียง 10% ที่ยังไม่กระจ่าง จากพยานหลักฐานในตอนนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากข้อหาเดิม ยังไม่พบว่ามีพยานหลักฐานใดทำให้เปลี่ยนแปลงข้อหาที่ตั้งไว้แต่เดิมได้ โดยได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนกลับไปหาหลักฐานมาเพิ่มเติมแล้วกลับมาประชุมกันอีกครั้ง
ด้าน พล.ต.ต. ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง หรือพฐก. เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจหลักฐานต่าง ๆ ที่ได้มาอย่างเต็มที่ ทั้งหลักฐานในที่เกิดเหตุ หลักฐานจากรถยนต์ คราบเลือดที่พบในรถ เอกสารการโอนหุ้น ลายเซ็นต่าง ๆ ที่พบ รวมทั้งได้นำผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบรวมด้วย ด้านหลักฐานที่เป็นคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นเสียงของนายชูวงษ์นั้นขณะนี้ยังไม่ได้รับ
ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงที่การเสียชีวิตนั้นอาจเกิดจากอุบัติเหตุ แต่ก็ยังคงไม่มีการตัดประเด็นใดทิ้ง และต้องทำการตรวจสอบหลักฐานทุกชิ้นให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ซึ่งคาดว่าในช่วงต้นสัปดาห์หน้าน่าจะสามารถสรุปได้ว่าการเสียชีวิตของนายชูวงศ์นั้นมีสาเหตุมาจากเรื่องใด