x close

สรุปความคืบหน้า ข่าวมือบึ้มราชประสงค์ ล่าสุดวันนี้ (30 ส.ค.)




          สรุปความคืบหน้า ข่าวจับผู้ต้องสงสัยเอี่ยวระเบิดราชประสงค์ หลังถูกคุมตัวสอบที่ค่ายทหาร เผยล่าสุดตำรวจเข้าตรวจค้นห้องพักย่านมีนบุรี หลังให้การใช้เป็นที่เก็บระเบิด 

          ยังคงเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจติดตามอย่างต่อเนื่อง หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารสนธิกำลังกันเข้าจับกุมผู้ต้องหาเป็นชายชาวต่างชาติ จากบ้านพักย่านหนองจอก เมื่อวานนี้ (29 สิงหาคม 2558) โดยพบของกลางเป็นอุปกรณ์ระเบิดจำนวนมากที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับระเบิดที่ใช้ในเหตุระเบิดราชประสงค์ สำหรับวันนี้ (30 สิงหาคม) กระปุกดอทคอม ขอไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ความคืบหน้าในการจับกุมผู้ต้องาคนดังกล่าวมาให้ติดตามกัน 



          พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาได้ถูกคุมตัวไปสอบสวนตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหาร ตามมาตรา 44 พร้อมกันนี้ ผบ.ตร. ได้แสดงความมั่นใจว่าผู้ต้องหารายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์อย่างแน่นอน โดยมีผู้ร่วมขบวนการไม่ต่ำกว่า 10 คน ทั้งที่ยังอยู่ในประเทศและหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว อย่างไรก็ตามในประเด็นของการก่อเหตุ มองว่าน่าจะเป็นเรื่องความแค้นส่วนตัว ไม่น่าใช่การก่อการร้ายข้ามชาติ

          ในช่วงสาย พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจ (รอง ผบ.ตร.) ได้ร่วมสอบปากคำชายโชเฟอร์รถแท็กซี่ ที่คุมตัวมาจาก จ.สุรินทร์ อีกครั้งหนึ่ง หลังข้อมูลจากการสอบปากคำรอบแรกมีหลายส่วนไม่เชื่อมโยงกัน ทั้งยังพบว่าคนขับแท็กซี่รายนี้ได้มีการติดต่อกับหมายเลขโทรศัพท์ที่น่าสงสัยหลายครั้ง อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากหลักฐานวัสดุประกอบระเบิดที่ตรวจยึดได้จากห้องพัก ในการจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติ ทำให้อนุมานได้ว่าคนร้ายอาจเตรียมก่อเหตุซ้ำ 



           ขณะที่ พล.ต.ต. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่นำทรัพย์สินและข้าวของเครื่องใช้ของผู้ต้องสงสัยทั้งหมด รวม 5 ห้อง คือห้อง 404, 409, 410, 411 และ 412 ไปตรวจเช็กรอยนิ้วมือแฝง รวมทั้งนำกล้องวงจรปิดของอพาร์ทเม้นท์ไปตรวจพฤติกรรมเพื่อหาจุดเชื่อมโยงคดี

          พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัยถูกควบคุมตัวไว้ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ขณะนี้ยังไม่สามารถตัดประเด็นทิ้ง ต้องรอให้ผลการสอบสวนมีความชัดเจนเสียก่อน

          พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แสดงความชื่นชมเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายระเบิดราชประสงค์ ที่มีความคืบหน้าในการทำงานอย่างรวดเร็ว พร้อมได้ฝากไปยังสื่อมวลชนและโลกโซเชียลไม่ให้นำเสนอเสนอข่าวหรือบทวิเคราะห์เกินความจริง เพราะไม่เกิดประโยชน์ต่อการทำคดี และขอให้ประชาชนรอฟังผลจากการสอบสวนที่ชัดเจน

          ผศ.ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Jessada Denduangboripant" เพื่อโต้แย้งกระแสข่าวในโลกโซเชียลที่ระบุว่าเจ้าของห้องพักเป็นผู้แจ้งเบาะแสแก่ทางตำรวจ โดยยืนยันว่าเจ้าของหอพักออกมาชี้แจงเองว่าเธอไม่ได้เป็นผู้แจ้งเบาะแส และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเงินนำจับแต่อย่างใด

          ชาวสังคมออนไลน์ได้ออกมาทวงถามถึงเงินรางวัลนำจับ 12 ล้านบาท ที่ทางตำรวจและนักธุรกิจภาคเอกชนสมทบมอบให้ โดยเรียกร้องว่าควรแบ่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดไล่ล่าที่ทำงานอย่างหนัก ขณะที่ นายสมหวัง อัสราษี แกนนำ นปช. ออกมายืนยันว่าจะมอบเงิน 2 ล้านในส่วนของตนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทุกท่านอย่างแน่นอน



          ในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. พ.อ. วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดีย โดยอ้างว่าเป็นภาพของกลางในการจับกุมชายชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม คสช. ยืนยันว่าในบรรดาภาพเหล่านั้นมีภาพของกลางเพียง 4 ภาพเท่านั้น ที่เหลือเป็นภาพที่สื่อมวลชนนำเข้ามาเพิ่มเอง วอนประชาชนระมัดระวังในการเผยแพร่ภาพ

          เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ เปิดเผยว่าผู้ต้องหาชาวต่างชาติยังไม่ยอมรับสารภาพ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทรหรือไม่ ยังไม่สามารถระบุชื่อและสัญชาติที่แท้จริงได้ ขณะที่พาสปอร์ตที่พบในห้องพักก็ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะแต่ละเล่มมีข้อมูลและภาพของผู้ต้องหาไม่ตรงกัน พร้อมกันนี้ได้ส่งโทรศัพท์ของผู้ต้องหาไปตรวจสอบประวัติการใช้งานย้อนหลัง อย่างไรก็ตามในด้านของคดี เจ้าหน้าที่ยังต้องขอเวลาสอบสวนเพิ่มเติม หลังผู้ต้องหาให้การวกวนไปมา ทั้งยังมีอุปสรรคด้านภาษาที่ต้องสื่อสารผ่านล่าม แต่ได้จัดชุดเฝ้าติดตามผู้ร่วมขบวนการที่เหลือแล้ว คาดมีคนไทยเกี่ยวข้องด้วย 



          ทางสถานทูตตุรกี ได้ออกมายืนยันว่า ผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติที่เชื่อมโยงเหตุบึ้มราชประสงค์ ไม่ใช่คนสัญชาติตุรกี ขณะที่โฆษกตำรวจเผย ตอนนี้มีสถานทูตประเทศต่าง ๆ ติดต่อให้การช่วยเหลือในการสอบประวัติและสัญชาติผู้ต้องสงสัย 





           เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้สนธิกำลังโดยนำหมายศาลเข้าตรวจค้น "ไมมูณา การ์เด้นโฮม" ซอยราษฎร์อุทิศ 25/8 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี เพื่อขยายผลต่อเนื่องจากคำให้การของผู้ต้องหาชาวต่างชาติ หลังทราบว่าได้เช่าอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าวเพื่อเก็บอุปกรณ์ประกอบระเบิด โดยสามารถเปิดห้องพักตรวจได้ทั้งหมด 21 ห้อง ส่วนอีก 9 ห้อง ยังไม่สามารถติดต่อเจ้าของห้องได้ ซึ่งจะมีการวางกำลังไว้ เพื่อตรวจค้นเพิ่มเติม ทั้งนี้เบื้องต้นสามารถตรวจยึดสิ่งของได้จำนวนหนึ่งที่อาจมีความเชื่อมโยงกับคดี สำหรับอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ ทราบว่ามีเจ้าของเป็นคนไทยมุสลิม ซึ่งมักมีชาวต่างชาติมาพักอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงชาวไทยพุธและมุสลิม 

          พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ออกมาให้คำยืนยันว่าจะไม่มีการจับแพะในคดีครั้งนี้อย่างแน่นอน เพราะเป็นคดีระดับโลก ทั้งนี้จากแนวทางการสืบสวนมั่นใจว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดราชประสงค์ และทำกันเป็นขบวนการ แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนผู้เกี่ยวข้องได้ ยืนยันไม่กังวลว่าผู้ร่วมขบวนการรายอื่นจะก่อเหตุซ้ำ สำหรับการสอบปากคำคนขับแท็กซี่ที่ถูกกันไว้เป็นพยาน จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากพอ 
 

ภาพจาก ทวิตเตอร์ @ArmUpdate ,@Prachaya_Ice,SpringNews

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สรุปความคืบหน้า ข่าวมือบึ้มราชประสงค์ ล่าสุดวันนี้ (30 ส.ค.) อัปเดตล่าสุด 31 สิงหาคม 2558 เวลา 11:33:15 31,688 อ่าน
TOP