ธิดา ปลุกนักการเมืองงัดข้อ นายกฯ ออกมาชำแหละร่างรัฐธรรมนูญ

          ธิดา ถาวรเศรษฐ ปลุกนักการเมืองงัดข้อ นายกฯ ออกมาชำแหละรัฐธรรมนูญ สับร่างฯ ใหม่เขียนไว้ขจัดเสี้ยนหนาม ชี้โครงสร้าง คปป. ทำประเทศถอยหลัง หวั่นเกิดความขัดแย้งหนักกว่าปี 2550

          วันที่ 31 สิงหาคม 2558 นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธาน นปช. กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญว่า การแสดงความเห็นในร่างรัฐธรรมนูญเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้จากประชาชน รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ การที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมากล่าวในทำนองไม่อยากให้นักการเมืองออกมาให้ความเห็นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แม้ พล.อ. ประยุทธ์ จะได้อำนาจมาจากการรัฐประหาร และถืออำนาจตามมาตรา 44 จากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะปิดกั้นความคิดของประชาชนได้

          อย่างไรก็ตามนักการเมืองที่จะถูกควบคุมอำนาจด้วยรัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงต้องรับฟังเสียงของกันและกัน ในเมื่อแม่น้ำทั้ง 5 สายมีสิทธิ์ที่จะพูด ประชาชนคนอื่นก็ต้องมีสิทธิ์ที่จะพูดเช่นกัน ซึ่งนักการเมืองต้องชี้ให้เห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย และไม่ได้เขียนไว้เพื่อรอการเปลี่ยนผ่าน แต่เขียนไว้เพื่อที่จะไม่ให้เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยได้

          ส่วนการร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ย่อมแบ่งนักการเมืองออกได้ว่าต้องการประชาธิปไตยหรือต้องการเพียงอำนาจแล้วเข้ามาบริหารบ้านเมืองแม้ในขณะที่สภาพแวดล้อมไม่ใช่ภาวะประชาธิปไตยเลย ยกตัวอย่างจากการตั้ง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ที่แม้แต่ นายธีรยุทธ บุญมี นักวิชาการสายอนุรักษ์นิยม และอดีต ผอ.สถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ยังไม่ให้ความไว้วางใจ

          ทั้งนี้หากมองโครงสร้างของ คปป. จะพบว่า ไม่ได้ต้องการให้มีการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งยังต้องการควบคุมนักการเมือง จึงไม่สามารถพูดได้ว่า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป เพราะมีความล้าหลังอย่างมาก เสี่ยงต่อการเป็นขนวนความขัดแย้งมากกว่ารัฐธรรมนูญปี 2550

          นอกจากนี้เป้าประสงค์ที่แท้จริงของการร่างฯ ในครั้งนี้ คือ ต้องไม่เสียของ แต่กลับกลายเป็นแนวคิดขุดรากถอนโคน ขจัดพิษภัยต่าง ๆ ที่ทำให้นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาได้ และยังพยายามเปลี่ยนประชาชนให้เป็นแบบฉบับของตัวเองภายใต้การจัดตั้งที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งต้องใช้เวลานานมาก เวลานี้ไม่ใช่เวลาของการปฏิรูปแต่เป็นเวลาของการขจัดเสี้ยนหนาม ผู้มีอำนาจจึงไม่สามารถให้อำนาจประชาชนเพราะประชาชนยังไม่พร้อม แต่สิ่งที่ไม่ถูกต้องจะไม่ยั่งยืน และยังคิดว่าคณะรัฐประหารได้นำรูปแบบของพม่ามาใช้ ทั้งยังคล้ายโปลิตบูโร ดังนั้นนักการเมืองที่ไม่เห็นด้วยต้องชี้ให้เห็นจุดนี้ และรัฐบาลต้องอย่าห้าม



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก