ภาพจาก ทวิตเตอร์ @KillerPress
ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน กล่าวปาฐกถาแนะทุกคนร่วมมือ ประเทศไทยจึงปลอดทุจริต เจอเด็ก ม.5 ชูป้ายค้านเรียนวิชาหน้าที่พลเมือง แต่แนะให้สอนจริยธรรมแทน เลยถูกเชิญตัวออก ก่อนตำรวจปล่อยตัวกลับบ้าน
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2558 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันแห่งชาติ ประจำปี 2558 ณ ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ผลงานความก้าวหน้าของรัฐบาลในการปฏิรูปการแก้ทุจริตคอร์รัปชัน"
ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่า การทุจริตเกิดขึ้นได้ 3 ส่วน คือ รัฐบาล ราชการ และเอกชน ซึ่งการที่รัฐบาลมาทำงานในวันนี้ ได้ปราบปรามกวดขันเรื่องการทุจริตเป็นอย่างมาก โดยนำเรื่องเข้าสู่ระบบกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้ไปไล่ล่าใคร นอกจากนี้ยังต้องติดอาวุธทางความคิดให้ประชาชน พร้อมสร้างเครือข่ายมีคณะทำงานขับเคลื่อน 3 ป. คือ ปลูกฝัง ป้องกัน เปิดโปง
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การที่ประเทศไทยจะปลอดคอร์รัปชันได้ ต้องอยู่ที่ความร่วมมือของทุกคน พร้อมขอให้ทุกคนดำเนินชีวิตบนความพอเพียง ขณะที่ภาครัฐก็จะพยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้อย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงตอนที่ พล.อ. ประยุทธ์ ถามผู้เข้าฟังว่ามีคำถามอะไรหรือไม่ ได้มีนักเรียนชั้น ม.5 ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ยกมือจะถาม พร้อมกับชูป้ายในเชิงต่อต้าน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องมาเชิญตัวนักเรียนคนดังกล่าวออกจากห้องประชุมไป
ภายหลังจากการสอบสวนทราบว่า นักเรียนคนดังกล่าวเป็นสมาชิกกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ที่มาในงานนี้ เพราะตั้งใจจะมายื่นหนังสือต่อต้านการทุจริตให้ถึงมือนายกฯ ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า เพราะไม่แน่ใจว่าถ้ายื่นตามขั้นตอนจะถึงมือนายกฯ โดยตรงหรือไม่ จึงตั้งใจมายื่นด้วยตัวเอง และป้ายที่ชูก็มีเนื้อหาเรียกร้องให้ปฏิรูปการศึกษาไทย ไม่ได้ต่อต้านรัฐบาลหรือโจมตีใคร
โดยนักเรียนคนดังกล่าว บอกด้วยว่า สำหรับจดหมายที่จะมายื่นต่อนายกฯ นั้น เป็นข้อเสนอเรื่องการปลูกฝังการต้านโกง หากอยากเห็นผล ควรสอนวิชาปรัชญาและจริยศาสตร์ แทนวิชาหน้าที่พลเมือง เพราะวิชาหน้าที่พลเมืองส่วนมากถูกกำหนดแล้วว่าอะไรดี อะไรไม่ดี พลเมืองมีหน้าที่อะไร ซึ่งข้ามขั้นตอนว่า ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น ทำไมทำอย่างนี้ ไม่ได้สร้างระบบคิด ดังนั้นจึงควรปลูกฝังวิธีคิดอย่างจิตสำนึก
ต่อมาได้มีผู้ปกครองของนักเรียนเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน เพื่อรับตัวกลับ ตำรวจจึงปล่อยตัวกลับไปโดยไม่ได้แจ้งข้อหาหรือลงบันทึกประจำวันใด ๆ
ขณะที่ในเวลาต่อมา นักเรียนคนดังกล่าวได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ตนใช้เวลาชั่วโมงกว่า ๆ ในการชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ว่าการศึกษาวิชาปรัชญาและจริยธรรมสำคัญอย่างไร และทำไมการเรียนเพียงแค่วิชาหน้าที่พลเมืองจึงไม่เพียงพอ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก