ผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้ มส.-พศ. เสนอชื่อสมเด็จช่วงเป็นสังฆราชองค์ใหม่ผิดขั้นตอน เหตุมาตรา 7 พ.ร.บ.สงฆ์ ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจเสนอนามพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดก่อน
จากกรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พร้อมด้วย นพ.มโน เลาหวณิช อดีตศิษย์วัดพระธรรมกายได้ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ให้พิจารณาวินิจฉัยข้อกฎหมาย มาตรา 7 ของพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 ว่า มติมหาเถระสมาคม (มส.) เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2559 ที่มีการเสนอชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เป็นสมเด็จพระสังฆราชถูกขั้นตอนตามกฎหมายหรือไม่
ล่าสุด (4 มีนาคม 2559) นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงข่าวกรณีดังกล่าวว่า สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ทำความเห็นและข้อเสนอแนะถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ว่า มติของ มส. เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2559 เป็นการกระทำผิดขั้นตอนไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
โดยเจตนารมย์ของมาตรา 7 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของ มส. เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะ ผู้มีอาวุโสทางสมณศักดิ์สูงสุด โดยสมณศักดิ์ ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชนั้น เท่ากับกฎหมายมีเจตนารมณ์ให้นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ริเริ่มในการพิจารณาและเสนอนามของสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสทางสมณศักดิ์สูงสุดต่อ มส. เพื่อให้ความเห็นชอบดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช แล้วจึงนำความขึ้นกราบบังคมทูล ไม่ใช่ มส. เป็นผู้ริเริ่ม
ทั้งนี้ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้รัฐบาลพิจารณาสั่งการให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พิจารณาจัดส่งบันทึกในประเด็นมติ มส. ที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนดังกล่าวกลับคืนไปให้ มส. เพื่อให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนบทบัญญัติของกฏหมายว่าด้วยคณะสงฆ์หมวด 1 สมเด็จพระสังฆราช ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 ต่อไป
เกาะติดข่าว แต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ทั้งหมดคลิกเลย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Watpaknam.bkk
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก