วันนี้ (28 เม.ย.59 ) พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ เรื่อง การจำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชนในการแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดให้วันที่ 7 สิงหาคม 2559 เป็นวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย และต่อมาเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2559 พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 มีผลใช้บังคับ โดยมีข้อจำกัดในการแสดงความคิดเห็นและเผยแพร่ความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญและการออกเสียงประชามติอย่างเข้มงวด และยังเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ตีความได้ทุกกรณีตามอำเภอใจ เพื่อเอาผิดกับผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็น ประกอบกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2558 และ 13/2559 ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารอย่างกว้างขวางในการควบคุมตัว ค้นและจับกุมตัวบุคคลได้โดยไม่ต้องมีหมายจับของศาล ส่งผลให้สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน และสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงออกเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญถูกจำกัดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
เมื่อพิจารณาพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 แล้ว พรรคเพื่อไทยเห็นว่า แม้มาตรา 7 จะให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเผยแพร่ความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติไว้ แต่มาตรา 61 ของกฎหมายฉบับนี้กลับกำหนดข้อห้ามที่เข้มงวด ขัดต่อหลักการในมาตรา 7 เสียเอง และยังกำหนดโทษผู้ฝ่าฝืนไว้สูงมาก โดยให้จำคุกถึง 10 ปี นอกจากนี้เนื้อความของกฎหมายยังเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลยพินิจตีความ การกระทำของบุคคลได้อย่างกว้างขวาง จนยากจะเข้าใจได้ว่าสิ่งใดทำได้ สิ่งใดทำไม่ได้ ซึ่งขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน และขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 4
ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นดังกล่าว องค์กรทั้งในและต่างประเทศ ต่างได้แสดงความเป็นห่วงถึงการออกเสียงประชามติที่ถูกปิดกั้นครั้งนี้ อย่างกว้างขวางรวมถึงเรียกร้องให้มีการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญได้อย่างอิสระ
พรรคเพื่อไทยจึงเรียกร้องมายัง คสช. ดังต่อไปนี้
1. รัฐบาล และ คสช. ต้องแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2559 ในมาตรา 7 และมาตรา 61 ให้สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้วิพากษ์วิจารณ์ อภิปรายแสดงความคิดเห็น และเผยแพร่ความคิดเห็นของตน
2. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องรีบเผยแพร่ระเบียบปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 โดยระเบียบดังกล่าวต้องยึดเจตนารมณ์ตามมาตรา 7 เป็นสำคัญ
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ผลประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่จะออกมา สะท้อนความต้องการอันแท้จริงของประชาชน ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย และจะไม่นำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งแตกแยกอีกต่อไป
ภาพและข้อมูลจาก ทวิตเตอร์ @INamKaa