ตำรวจเปลี่ยนข้อกล่าวหา 6 วัยรุ่น เป็นฆ่าคนตายโดยเจตนา พร้อมเร่งสอบกล้องวงจรปิด ด้านทนายเตรียมฟ้องแฟนสาวหนึ่งใน 6 โจ๋ หลังมีโพสต์ข้อความข่มขู่บนเฟซบุ๊ก บอกว่าอย่าเสือก
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2559 นายเมธัส ผลประเสริฐ หลานชาย นายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการผู้เสียชีวิตและอยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปลี่ยนข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ให้มีโทษเพิ่มมากขึ้น คือฆ่าคนตายโดยเจตนา พกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อาจบันทึกเหตุการณ์ได้ เพื่อนำมาสนับสนุนหลักฐานและสำนวนคดี
นอกจากนี้ นายเมธัส ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้มีการร้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยคุ้มกันครอบครัว เนื่องจากยังไม่มีเหตุการณ์ที่หวั่นต่อความปลอดภัย
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความของญาตินายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการวัย 36 ปี ผู้พิการที่เสียชีวิต พร้อมด้วย นายเมธัส ผลประเสริฐ และ นางธันยชนก ศรีจันทร์ ญาติของผู้เสียชีวิตเดินทางเข้าพบ ร.ต.ท. ปกฉัตร สงวนแวว รอง สว.(สอบสวน) เพื่อแจ้งความกับเจ้าของเฟซบุ๊ก ที่อ้างว่าเป็นของหญิง 1 ใน 2 คนที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ 6 วัยรุ่นรุมทำร้ายคนพิการจนเสียชีวิต ในข้อหาข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัวและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมนำหลักฐานภาพถ่ายเฟซบุ๊กดังกล่าวมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายอนันตชัย กล่าวว่า วันนี้ตนต้องการมาดำเนินคดีหมิ่นประมาทเนื่องจากมีหญิงสาวของหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว มีการโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า "ทนายจอมเ_ือก มีการใส่ร้ายกูด้วย ว่ากูยุยงให้ฆ่ากัน กูมีแต่ไปห้าม มึงมีหลักฐานป่ะล่ะ ว่ากูบอกให้ฆ่ามันให้ตาย แทงมันให้ตาย กูไม่ได้พูดสักคำ" พร้อมทั้งระบุจะถล่มสำนักงานทนายความของตนด้วย เนื่องจากสำนักงานทนายความของตนอยู่ห่างกับที่เกิดเหตุประมาณ 3 ช่วงตึก ทำให้ตนเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ตนจึงเข้ามาเป็นพยานในคดีดังกล่าวเพราะเห็นว่าเป็นคดีที่มีความสำคัญ และจากการแถลงข่าวของนายพีรพล ผู้ต้องหานั้น ลักษณะการแถลงข่าวเหมือนกับการจัดฉากเพราะมีการนำภาพจากกล้องวงจรปิด โดยในภาพดังกล่าวมีเพียงรูปที่นายสมเกียรติเดินเข้าไปหาเรื่อง และนายพีรพลยังอ้างอีกว่านำอาวุธมีดมาเพื่อป้องกันตัว ซึ่งหากดูจากวิดีโอแล้วกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวมีการรุมเข้าไปหานายสมเกียรติ มีเพียงนายสมเกียรติที่พยายามถอยหนี หากกลุ่มวัยรุ่นไม่ได้มีการแซวเกิดขึ้นจริงคงไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อมีการข่มขู่ทำให้ไม่มีใครมากล้าเป็นพยานเพราะกลัวโดนทำร้ายร่างกาย ตอนนี้ได้ภาพจากกล้องของธนาคารไทยพาณิชย์เพิ่มอีก 1 ตัว จะนำมามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่าเฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นเฟซบุ๊กจริงหรือปลอม ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ
ขณะที่นางธันยชนก กล่าวทั้งน้ำตาว่า มีหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาเป็นพยานเนื่องจากขนาดทนายที่มีชื่อเสียงที่ทำคดีให้คนใหญ่คนโตยังโดนข่มขู่ แล้วจะมีใครมากล้าเป็นพยานให้ จึงเหลือแค่เพียง ตน ทนายความ ลูกชาย และลูกสาวเท่านั้น
ด้านนายเมธัส กล่าวว่า ขณะนี้ทางญาติได้เลื่อนการเผาศพออกไปเพื่อรอผลทางคดีให้แล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามตนและทางญาติยังคงผวาอยู่เนื่องจากว่ายังคงมีคนมาวนเวียนบริเวณร้านของตน ในวันนี้ตนยังไม่แจ้งความ ในส่วนของตนรอให้ทางญาติทำใจได้ก่อนเพราะต้องเข้าให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจะแจ้งความในข้อหาข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว
ทั้งนี้ ภายในงานศพของนายสมเกียรติ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ส่งพวงหรีดพร้อมมอบเงินเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับทางครอบครัวของนายสมเกียรติอีกด้วย
ส่วนทาง ร.ต.ท. ปกฉัตร กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้ก่อนที่จะทำการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงจะพิจารณาว่าแจ้งข้อหาใดบ้างพร้อมทั้งจะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการต่อไป
ภาพจาก thaich8.com
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
สำนักข่าว INN, js100