บิ๊กตู่ ย้ำใช้ ม.44 บางกรณี ชี้มีพวกบิดเบือนปมสิทธิมนุษยชนทุกวัน

          นายกฯ ย้ำใช้มาตรา 44 บางกรณี ชี้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงปมสิทธิมนุษยชนทุกวัน ยันไม่ใช่การล็อกคอ บังคับ ขู่เข็ญ วอนประชาชนศึกษาร่างรัฐธรรมนูญก่อนลงประชามติ ระบุใครทำผิดต้องเข้ากระบวนการยุติธรรม ปัดเข้าข้างใคร

          วานนี้ (13 พฤษภาคม 2559) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ที่มี พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินรายการว่า ขณะนี้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงกันอยู่ทุกวัน ทั้งเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย และสถานการณ์นั้นไม่ค่อยปกติมากนัก การเข้าไปเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด หรือผู้ถูกกล่าวหา อาจจะต้องใช้กฎหมายพิเศษ โดยยืนยันว่า ไม่ใช่การไปล็อกคอ บังคับ ขู่เข็ญ หรือซ้อมผู้ต้องหาแต่อย่างใด และทำตามกระบวนการ แต่ที่แตกต่างจากปกติ คือการใช้มาตรา 44 แต่ใช้ในบางกรณี ไม่ใช่ทุกเรื่อง และยืนยันว่า ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ใช้กำลัง ไม่ใช้อาวุธ หากไม่มีการใช้อาวุธโต้ตอบ ซึ่งเห็นได้จากการถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย พร้อมขอให้ผู้ที่กล่าวอ้างระวังและอย่าทำผิดกฎหมายอีก ที่ผ่านมาผ่อนผันเมตตามาหลายครั้งแล้ว
          อย่างไรก็ตาม ขอให้ช่วยกันเคารพกฎหมาย เพราะกฎหมายมีไว้เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม และทำให้บ้านเมืองสงบสุข ซึ่งไม่มีกฎหมายใดเขียนเพื่อรังแกคนและย้ำว่า การบังคับใช้กฎหมาย ไม่ได้ต้องการบังคับประชาชนให้รัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ซึ่งดี ไม่ดี ประชาชนเป็นคนเลือกเอง และขอให้ไปศึกษาร่างรัฐธรรมนูญให้ละเอียดก่อนลงประชามติ โดยคาดหวังให้ประชาชนคิดเป็น แล้วตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีการชี้นำ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรที่จะไปรวมกลุ่มกันมารณรงค์รับหรือไม่รับ เพราะมองว่าประชามติเป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งจะชี้นำไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ตาม โดยจะต้องระมัดระวังคนที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น ซึ่งประชาชนต้องร่วมมือกัน หากเข้าข้างใคร การทำประชามติ มันก็จะมีปัญหาขึ้น เพราะมีคนเจตนาไม่บริสุทธิ์เพื่อที่จะให้เกิดการจับกุม เพื่อให้มองว่ารัฐบาลบังคับให้ผ่านประชามติ

          พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาภัยแล้ง ทั้งการจัดระเบียบการใช้น้ำ และให้การช่วยเหลือเยียวยา ทุกอย่างมีความก้าวหน้ามากขึ้น แต่ก็มีความบิดเบือน ทำให้รัฐบาลเสียหาย ซึ่งเชื่อว่าระยะเวลาที่เหลืออยู่จะทำให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้น ส่วนการเดินหน้าการปฏิรูปประเทศ ที่ต่างชาติ ได้มีการชื่นชมประเทศไทย หากทุกภาคส่วนและประชาชนช่วยกัน ก็จะสามารถทำได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว ซึ่งสื่อมวลชนเองก็ต้องร่วมมือด้วยเช่นกัน และการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจนั้นกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจะต้องปรับปรุงเรื่องประสิทธิภาพ และจะต้องทำทั้งหมด ซึ่งการชอบ ไม่ชอบ ทำให้เกิดแบ่งฝ่ายขึ้น จนลืมเรื่องของกฎหมาย อยากให้มองถึงคนที่เดือดร้อนด้วย

          ส่วนเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน จะต้องเข้ากระบวนการยุติธรรม และอย่าตรวจสอบด้วยความรู้สึกเท่านั้น พร้อมกันนี้ ยืนยันว่า ไม่ได้มีการเอื้อประโยชน์กับใคร เพราะไม่เคยให้เข้าหาได้โดยตัวเองอยู่แล้ว หากรู้ว่าใครแอบอ้างต้องถูกดำเนินการอย่างจริงจัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องมีความโปร่งใส หากพบว่าเรียกรับผลประโยชน์ จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย



ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN