รองโฆษก สตช. ลั่นต้องมีคนรับผิดชอบ "คดีหญิงไก่" หากพบพนักสอบสวนทำงานบกพร่อง เหยื่อสามารถฟ้องร้องได้
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2559 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณี น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือน้องก้อย อายุ 19 ปี นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังถูกนายจ้าง ชื่อ หญิงไก่ แจ้งความดำเนินคดีกับบิดาและมารดาของน้องก้อย ในข้อหาลักทรัพย์ โดยอ้างว่ามีทรัพย์หายไปกว่า 11 รายการ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่านายจ้างรายดังกล่าวมีชนชั้นบรรดาศักดิ์ถึงระดับคุณหญิงจริงหรือไม่ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนตั้งข้อหา แจ้งความอันเป็นเท็จไว้ก่อน ส่วนข้อหาอื่น ๆ ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมทั้งมีการตรวจสอบประวัติของนายจ้างรายดังกล่าวด้วย
พ.ต.อ. กฤษณะ ระบุอีกว่า กระบวนการสอบสวนของไทยเป็นระบบกล่าวหา ซึ่งการกล่าวหาผู้หนึ่งผู้ใดเจ้าหน้าที่จะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน บางครั้งผู้ที่มาแจ้งความร้องทุกข์อาจจะไม่พูดเรื่องจริงทั้งหมดทำให้เป็นอุปสรรคในสอบสวน ซึ่งคดีลักษณะนี้เกิดขึ้นจำนวนมากในประเทศไทย อย่างไรก็ตามในการรวบรวมหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหานั้นเป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนว่า จะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องก็ได้ บางครั้งสั่งฟ้องแล้วพนักงานอัยการเห็นว่าพยานหลักฐานไม่มีน้ำหนักสั่งให้สอบเพิ่มก็มี ซึ่งตรงนี้เป็นอำนาจที่ถ่วงดุลกันอยู่แล้ว โดยส่วนตัวคดีนี้ไม่อยากให้มองว่าเป็นความผิดพลาดของพนักงานสอบสวน
หากผู้เสียหายรายอื่น ๆ รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดีให้มาแจ้งข้อความกับพนักงานสอบสวนได้ โดยเรื่องดังกล่าว พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจอยู่แล้ว