บึงกาฬร่วมกันเผาทำลายกัญชากว่า 8 ตัน มูลค่า 120 ล้านบาท แต่มีเด็กนักเรียนร่วมด้วย นักวิชาการชี้ สูดควันอันตรายกว่าเสพ แนะควรเผาระบบปิดมากกว่า
จากกรณีปรากฏภาพพิธีการเผาทำลายกัญชาล็อตใหญ่ ซึ่งเป็นของกลางคดียาเสพติด จำนาน 8.08 ตัน คิดเป็นมูลค่า 120 ล้านบาท ของฝ่ายประชารัฐบึงกาฬ ที่สนามยิงปืนกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 244 อ.เมืองบึงกาฬ ซึ่งจัดขึ้นในสถานที่โล่ง โดยมีเด็กนักเรียนมาร่วมด้วย จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเผาทำลายลักษณะนี้ถูกต้องหรือไม่ พร้อมกับตั้งคำถามว่าเด็กนักเรียนที่ไปร่วมเผากัญชา เหมาะสมหรือไม่ เพราะอาจจะมีสารพิษ สารเสพติด ที่ระเหยออกมากับควันจากการเผาเข้าสู่ร่างกายของเด็ก ๆ และประชาชนที่มาร่วม [อ่านข่าว : เด็ก ๆ ชาวบ้าน จ.บึงกาฬ ร่วมมือภาครัฐ เผาทำลายกัญชา 8.08 ตัน]
รศ.วีรชัย ยังบอกด้วยว่า การทำลายยาเสพติดควรใช้วิธีอื่นอย่างเช่นการฝังดิน แต่ก็ไม่นิยม เพราะใช้เวลานานกว่าจะย่อยสลาย และยังเสี่ยงต่อการขุดขึ้นมาใหม่ ทำให้การเผาทำลายได้รับความนิยมมากกว่า แต่การเผาก็ควรจัดการเผาทำลายในระบบปิด หรือเตาอบความร้อน หรือเตาที่มีปล่องควันลอยขึ้นที่สูง เพื่อป้องกันผู้ได้รับผลกระทบจากควัน แต่หากจำเป็นต้องเผากลางแจ้งจริง ๆ ก็ควรเผาในที่ห่างไกลชุมชมและมีการควบคุมดูแลควันที่เป็นระบบ
ด้านผู้ว่าฯ บึงกาฬ กล่าวถึงกระแสข่าวนี้ว่า กิจกรรมเผาทำลายยาเสพติดเจ้าหน้าที่ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบึงกาฬดูแลเรื่องการเผา ยืนยันว่ามีการใช้พัดลม มีการดูดควันออกมาจากกลุ่มคนที่เข้าร่วม อีกทั้งจุดที่ใช้เผาก็อยู่ห่างไกลชุมชน ทางจังหวัดวางมาตรการไว้อย่างรอบคอบ มั่นใจว่าเรื่องควันของกัญชาที่มีสารเดลต้า 9 จะไม่มีผลกระทบต่อประชาชนแน่นอน
ส่วนกรณีที่ให้เด็กนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมด้วยนั้น ท่านผู้ว่าฯ ชี้แจงว่า เป็นเพราะอยากปลูกฝังให้เด็ก ๆ เห็นถึงพิษภัยและรู้สึกรังเกียจยาเสพติด ยืนยันว่าให้เด็กอยู่แค่ช่วงสั้น ๆ ตอนถ่ายรูปช่วงเริ่มเผา แล้วก็รีบพาออกจากพื้นที่ทันที ไม่มีการสูดควันแน่นอน
ภาพจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้, brighttv.co.th
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
