อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เผยเรื่องราวสุดประทับใจของในหลวง รัชกาลที่ 9 ใช้ชีวิตเรียบง่าย ทรงตรวจงานด้วยพระองค์เอง และทรงหอบรูปขับรถมาพระองค์เดียว
เป็นเรื่องราวน่าประทับใจที่ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ได้บอกเล่าไว้ใน คอลัมน์ ร้อยถ้อยคำ ร้อยดวงใจ ถวายแด่ในหลวง นิตยสารลิปส์ ฉบับครบรอบ 11 ปี ปักษ์แรก กรกฎาคม 2553 เกี่ยวกับเรื่องราวของตนเองเมื่อครั้งได้วาดภาพวัดพุทธปทีปที่ลอนดอนถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทำให้ตนมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก และสัมผัสได้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าอยู่หัวที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ทั้งวินิจฉัยงานด้วยพระองค์เองและทรงขับรถมาพระองค์เดียวและหอบรูปของพวกเรามาด้วย พร้อมกับบอกว่าเมื่อคืนทรงไม่ได้บรรทมเลย เพราะทรงนั่งตรวจงานของพวกเราอยู่ ทำให้ตนเกิดความความประทับใจมาก ตนจึงขอทุ่มเททั้งชีวิตสร้างวัดร่องขุ่นขึ้นมาเพื่อให้เป็นศิลปะประจำรัชกาลที่ 9 ถวายแด่พระเจ้าอยู่หัว
คนไทยเราแค่ได้เห็นพระเจ้าอยู่หัวก็ดีใจมากเหลือเกินแล้ว มีความสุขแล้ว แต่ผมโชคดี มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ แทบเบื้องยุคลบาท จากการที่ผมได้ถวายงานในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งบางครั้งเป็นเรื่องส่วนพระองค์
สมัยเป็นเด็ก ๆ ผมมีความปรารถนาแบบตั้งจิตตั้งใจเลยว่า สักวันหนึ่งกูจะเป็นคนเก่งและกูจะได้มีโอกาสถวายการรับใช้และเข้าเฝ้าฯ ผมคิดขนาดนั้นเลย เพราะรู้ว่าพระองค์ท่านทรงชอบวาดรูป การเรียนวาดรูปของผมก็ได้แรงบันดาลใจจากพระองค์ท่าน
ผมเคยวาดภาพที่วัดพุทธปทีปที่ลอนดอน งานนั้นผมตั้งใจทำถวายพระองค์ท่านเพื่อเป็นงานศิลปะประจำรัชกาลที่ 9 โดยไม่มีใครสั่งให้ทำด้วย ทำด้วยตนเองเลย ซึ่งในขณะนั้นเรายากจนด้วยซ้ำไป ผลจากงานนี้ทำให้ผมมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งแรก เพราะทรงเลือกเราให้ทำงานถวายท่าน ทรงเห็นว่าการทำหนังสือพระมหาชนก พระองค์ท่านทรงต้องการงานวาดที่ไม่เลียนแบบรัชกาลใด เป็นศิลปะไทยสมัยใหม่ที่ไม่เหมือนกับวัดพุทธปทีปที่พระองค์ท่านได้เคยทอดพระเนตร
ครั้งแรกที่เข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านรับสั่งว่า ใครที่เขียนรูปที่วัดพุทธปทีป ผมหมอบอยู่แทบพระบาทของพระองค์ท่านและยกมือขวาขึ้นบอกว่า ข้าพระพุทธเจ้าพ่ะย่ะค่ะ นี่คือความภูมิใจที่สุดในชีวิต ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่จะภูมิใจเท่านี้ หัวใจเราบอกกับตัวเองว่า "ไอ้เหลิมเอ๋ย เป็นความสำเร็จแล้วในการรอคอย สิ่งนี้มาตั้งแต่เด็ก วันนี้เป็นโอกาสของมึงแล้ว มึงทำได้แล้ว"
จากการที่ได้เข้าเฝ้าฯ และได้ฟังความเป็นครูของพระเจ้าอยู่หัวในการที่พระองค์ทรงวินิจฉัยรูป ได้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของพระเจ้าอยู่หัวในเชิงจิตวิทยาในการมอบหมายงานให้แต่ละคน ทรงให้กำลังใจให้ข้อคิด และมีพระราชอารมณ์ขัน เมื่อได้ใกล้ชิดยิ่งทำให้เราไม่นึกไม่ฝันว่าพระเจ้าอยู่หัวทำไมทรงมีชีวิตที่ง่ายเหลือเกิน ทรงขับรถมาพระองค์เดียว และหอบรูปของพวกเรามาด้วยพระองค์เอง และทรงบอกว่าเมื่อคืนทรงไม่ได้บรรทมเลย เพราะทรงนั่งตรวจงานของพวกเราอยู่ ซึ่งเป็นปึ๊งใหญ่มากๆ สิ่งนี้ก็สร้างความประทับใจให้มาก ขนาดเป็นพระเจ้าอยู่หัวยังทรงงานหนักขนาดนี้ แล้วเราล่ะ เราก็ต้องทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง นั่นคือสิ่งที่นำไปสู่การสร้างวัดร่องขุ่น ซึ่งงานนี้เป็นสิ่งที่ผมทุ่มเททำเพื่อถวายแด่พระเจ้าอยู่หัวด้วยชีวิตและจิตวิญญาณของผม นี่คือศิลปะประจำรัชกาลที่ 9 ที่เป็นทั้งสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และศิลปกรรม ผมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ไม่ขอและรับเงินใครมาสร้างทั้งสิ้น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กลุ่มคนรักอาจารย์เฉลิมชัยโฆษิตพิพัฒน์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
