เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2560 นางสาวนารีรัตน์ ไชยวงค์ อายุ 43 ปี ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง เพื่อเจรจากับบริษัทประกันภัยในการชดเชยค่าเสียหาย หลังจากที่เธอเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ว่า เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2559 หลังจากนำเงินไปฝากธนาคารแห่งหนึ่งในย่านสบตุ๋ย จ.ลำปาง ขณะที่กำลังเดินผ่านประตูกระจกแบบเปิด-ปิด จู่ ๆ เธอก็รู้สึกชาที่มือ และพบว่านิ้วมือถูกประตูหนีบจนขาดกระเด็น เธอพยายามจะหยิบนิ้วมือขึ้นมาแต่ก็เป็นลมไปเสียก่อน เจ้าหน้าที่ธนาคารจึงถามหลานที่มาด้วยกันว่า มีประกันไหม เมื่อตอบว่าไม่มี จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยใช้สิทธิ์บัตรทอง 30 บาท
นางสาวนารีรัตน์ เล่าต่อว่า ไปถึงโรงพยาบาลตอน 10.00 น. รอจนถึงช่วงบ่าย เวลา 14.00 น. ก็ยังไม่ได้รักษา จนตนเป็นลมไปอีกเป็นรอบที่ 2 กระทั่งเวลา 19.00 น. จึงจะได้รักษา ทำให้นิ้วของตนไม่สามารถต่อกลับมาเหมือนเดิมได้อีก
หลังเกิดเรื่อง ทางผู้จัดการสาขารับปากกับตนว่า จะดูแลเต็มที่และขออย่านำเรื่องไปบอกสื่อ แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่มีวี่แววความรับผิดชอบใด ๆ จนวันที่ 7 พฤศจิกายน 2559 ตนได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังธนาคาร เรียกค่าเสียหาย 700,000 บาท และได้รับการตอบกลับมาวันที่ 23 พฤศจิกายน ว่า เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง ตนจึงร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จังหวัดลำปาง จึงได้รับหมายเรียกจากตำรวจให้มาเจรจาค่าสินไหมดังกล่าว
ทั้งนี้ ทาง คปภ. ได้เรียกบริษัทประกันภัยของธนาคารดังกล่าวมาเจรจา ซึ่งทางบริษัทประกันภัยระบุว่า เป็นผู้รับประกันภัยต่อบุคคลภายนอกของธนาคาร จำกัดความรับผิดชอบ ความบาดเจ็บทางร่างกายและความเสียหายต่อทรัพย์สินไม่เกิน 300,000 บาท/สาขา/อุบัติเหตุ 1 ครั้ง ซึ่งกรณีนี้ทางบริษัทจ่ายให้ได้ทั้งหมด 103,780 บาท แบ่งเป็น ค่ารักษาพยาบาล 1,780 บาท ค่าชดเชยค่าจ้างวันละ 300 บาท 3 เดือน เป็นเงิน 27,000 บาท และค่าชดเชยการสูญเสียจากการรับงานซักรีดเสื้อผ้า จำนวน 75,000 บาท
ด้านนางสาวนารีรัตน์ ระบุว่า ตนเสียความรู้สึกมาก จำนวนเงินที่ทางบริษัทประกันภัยระบุมานั้นตนรับไม่ได้ เพราะตนสูญเสียนิ้วมือไป 1 นิ้ว ส่งผลต่อการประกอบอาชีพ และยังต้องรักษาไปอีกหลายเดือน ซึ่งปกติตนรับจ้างซักรีดเสื้อผ้าและเสนอขายแหวนเพชรให้กับร้านเพชรและร้านทอง ต้องใช้นิ้วในการทดลองแหวนให้กับลูกค้าด้วย
