สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เผยสถิติผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตเสียชีวิตถึง 20 เปอร์เซ็นต์ หลังผู้ใช้ถนนไม่ค่อยให้ทาง และปัญหาการจราจรติดขัด
จากกรณีที่รถกู้ชีพของโรงพยาบาลบางบัวทองที่กำลังเดินทางไปรับผู้ป่วยเกิดเฉี่ยวชนกับรถกระบะ ซึ่งทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้และทางคู่กรณีไม่ยอมให้รถฉุกเฉินไปรับคนป่วยก่อน จนเป็นเหตุให้ผู้ป่วยวัย 74 ปี เสียชีวิตนั้น (อ่านข่าว : รถกู้ชีพ รพ.บางบัวทอง เฉี่ยวชนรถกระบะ คู่กรณีไม่ยอมให้ไป จนผู้ป่วยตาย)
ทั้งนี้ นายแพทย์อนุชา กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์นี้ตนมองว่าต้นเหตุของเรื่องคือการแสดงน้ำใจของผู้ที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน แต่ในเบื้องต้นทางการจะกำชับไปยังคนขับรถกู้ชีพ หรือรถฉุกเฉินให้เพิ่มความระมัดระวังในการขับรถพยาบาลและต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นหลัก เพราะที่ผ่านมาเราพบกับการสูญเสียในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง เกี่ยวกับการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินที่ล่าช้า โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ประชาชนไม่ยอมหลีกทาง หรือขัดขวางการปฏิบัติงานของรถพยาบาล และมีข้อกังขาในเรื่องว่าจะไปรับผู้ป่วยจริงหรือไม่
เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ บอกด้วยว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตเป็นไปอย่างล่าช้า คือ สภาพปัญหาของการจราจรที่ติดขัด และความรู้ความเข้าใจเรื่องการหลีกทางให้กับรถพยาบาลฉุกเฉินของประชาชนที่ยังมีไม่เพียงพอ ซึ่งจากสถิติพบว่ามีผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตต้องเสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ นพ.อนุชา กล่าวว่า จากเรื่องดังกล่าวจึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่พบเห็นรถพยาบาลฉุกเฉิน ให้ช่วยกันหลีกทาง เพราะการที่ช่วยกันหลีกทางให้กับรถพยาบาลฉุกเฉิน แม้เพียงเสี้ยววินาทีก็ถือเป็นการต่อชีวิตให้กับผู้ป่วยฉุกเฉินที่นอนรอการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลได้ดีที่สุด และเมื่อได้ยินสัญญาณไซเรนก็ต้องหลีกทางทันที โดยไม่ต้องคิดว่ามีกฎหมายบังคับหรือไม่ แต่ควรปฏิบัติให้กลายเป็นจิตสำนึก คือคิดง่าย ๆ ว่าให้ทาง เท่ากับ ให้ชีวิต หรือลองคิดว่าคนในรถอาจเป็นญาติของเรา และอยากให้เหตุการณ์นี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราต้องสูญเสียชีวิตคนคนหนึ่งไป
สำหรับแนวทางการหลีกทางให้รถพยาบาลฉุกเฉินในสากลนั้นจะปฏิบัติดังนี้
1. เมื่อประชาชนเห็นสัญญาณไฟและได้ยินเสียงสัญญาณไซเรนก็มักจะตกใจและทำอะไรไม่ถูก ดังนั้นก่อนอื่นผู้ขับขี่ควรตั้งสติ
2. พยายามมองกระจกหลังเพื่อกะระยะของรถพยาบาลที่วิ่งมา
3. เมื่อพิจารณาปริมาณรถทั้งซ้ายและขวาที่อยู่ใกล้แล้วพบว่าไม่มีอันตรายและเราสามารถเบี่ยงชิดซ้ายได้ ให้ผู้ขับขี่ลดความเร็วรถและเบี่ยงซ้ายเพื่อหลีกทางให้รถพยาบาลทันที
4. หากไม่สามารถหลีกทางได้ด้วยเพราะสภาพรถที่หนาแน่นและมีอันตรายก็ให้หยุดชะลอรถให้นิ่งเพื่อให้รถพยาบาลฉุกเฉินหาทางวิ่งผ่านเราไปให้ได้
5. กรณีรถติดและรถพยาบาลฉุกเฉินอยู่ด้านหลังพอดีให้พิจารณาว่าควรชิดซ้ายหรือชิดขวาดี ถ้าไม่มีใครหลีกทางให้ผู้ขับขี่เลือกว่าจะหลบทางไหนและเปิดไฟเลี้ยว เพื่อให้สัญญาณให้รถพยาบาลฉุกเฉิน ได้แซงผ่านไปได้สะดวก
6. เมื่อรถพยาบาลฉุกเฉินวิ่งผ่านไปแล้วห้ามขับตามเด็ดขาด
ภาพและข้อมูลจาก
thaiemsinfo.com