หลังจากที่มีการประกาศแจ้งการโปรดสถาปนา สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อัมพโร) เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร เป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 แทนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2556 นั้น (อ่านข่าว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ โปรดสถาปนา สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20)
ขอถวายมุทิตาสักการะแด่องค์สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโรมหาเถระ) ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
"มาตรา 7 พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช พระองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ"
การตรากฎหมายคืนพระราชอำนาจในการสถาปนาพระภิกษุผู้เป็นมหาเถระ ผู้มีจริยาวัตรที่สะอาด ฉลาด สว่าง สงบ น่าเลื่อมใสศรัทธา เป็นที่ยอมรับของพระเจ้าแผ่นดินและมหาชนคนทั้งแผ่นดิน จึงถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติตามโบราณราชประเพณีที่มีมาแต่เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยา
ด้วยเพราะพระมหาเถระผู้ถูกสถาปนา นอกจากจะทำหน้าที่ปกครองทั่วทั้งสังฆมณฑลแล้ว ยังต้องทรงทำหน้าที่ให้คำปรึกษาในข้ออรรถธรรมและไขปัญหาทั้งทางโลกและทางธรรมที่พระเจ้าแผ่นดินทรงมีพระประสงค์จะให้ทูลถาม เช่นนี้ ผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งพระสังฆราชจึงจำต้องเป็นพระภิกษุที่หมู่บรรพชิตและคฤหัสถ์ให้ความเคารพศรัทธาย่อมรับได้โดยมิมีข้อกังขาใด ๆ
วันนี้ประเทศไทยมีสมเด็จพระสังฆราชที่สะอาด ฉลาด สว่าง สงบ พระองค์ที่ 20 จึงถือว่าเป็นมหามงคลอันยิ่งใหญ่ของพุทธบริษัทไทยทั่วโลก นับว่าไม่เสียแรงที่พวกเราชาวพุทธช่วยกันต่อสู้เรียกร้องถวิลหาพระผู้เป็นสัตบุรุษที่งดงาม เป็นที่ยอมรับได้ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ พุทธบริษัท 4 นับว่าเป็นบุญของแผ่นดินไทยยิ่งนัก
พุทธะอิสระหวังว่าปัญหาที่หมักหมมคาราคาซังเน่าเหม็น ที่มีอยู่ในสังฆมณฑลจะถูกรื้อค้นขึ้นมากำจัดให้หมดสิ้นไปด้วยพระบารมีของสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ใหม่ เช่นนี้จะถือว่าพวกเราสู้มาไม่เหนื่อยเปล่าแล้ว
พุทธะอิสระ
ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)