เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 เว็บไซต์บิสซิเนสอินไซเดอร์ รายงานถึงความคืบหน้ากรณีนายอีแจยง ทายาทคนโตของกลุ่มบริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ถูกจับกุมตัวในข้อหาทุจริตคอร์รัปชัน ฟอกเงินร่วมกับ นางชเวซูนซิล คนสนิทของประธานาธิบดีปาร์คกึนเฮ โดยระบุว่าในขณะนี้นายอีถูกคุมขังอยู่ในห้องขังขนาด 71 ตารางฟุต มีโถส้วมด้านใน ไม่มีเตียง นายอีต้องปูเสื่อนอนบนพื้น อีกทั้งไม่ได้รับอนุญาตให้อาบน้ำ
นายอีถูกคุมขังอยู่ที่ศูนย์ควบคุมตัว ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งไม่ใช่มีนายอีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่นี่ โดยยังมีนางชเวซูนซิล นักการเมืองและผู้เกี่ยวข้องกับคดีนี้อีกหลายรายถูกขังอยู่ด้วย นายอีถูกแยกตัวไปขังในห้องขังเดี่ยว และไม่ได้รับอนุญาตให้พบปะพูดคุยกับนักโทษรายอื่น ๆ ก่อนเข้าห้องขัง นายอีต้องชำระล้างเนื้อตัว เปลี่ยนไปสวมชุดนักโทษ และได้รับกล่อง 1 ใบ ด้านในบรรจุกระดาษชำระกับเสื่อสำหรับปูนอน
สาเหตุที่นายอีถูกแยกไปคุมขังเดี่ยวและถูกสั่งห้ามพูดคุยกับนักโทษคนอื่นนั้น ก็เป็นเพราะเกรงว่าจะมีผลต่อรูปคดี โดยเขาถูกควบคุมภายใต้การรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดและไม่ได้รับการปฏิบัติดูแลเป็นพิเศษเลยแม้แต่น้อย
"คดีนี้เป็นคดีสำคัญระดับประเทศ ผู้ที่เกี่ยวข้องหลายรายถูกคุมขังอยู่ ณ ที่แห่งนี้ เรามีความกังวลว่าอาจจะมีการทำลายหลักฐานขึ้นได้ หากนักโทษได้ติดต่อพบปะกัน" เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าว
ในช่วงระหว่างถูกคุมขังนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับนักโทษคนอื่น ๆ แต่เขาสามารถพบปะพูดคุยกับผู้เยี่ยมได้ โดยจะสนทนาผ่านผนังกระจกหนาและมีเวลาสำหรับพบแต่ละครั้งไม่เกิน 30 นาที ส่วนทนายส่วนตัวนั้นสามารถติดต่อพบเจอได้ตลอด ไม่จำกัดครั้ง
นอกจากนี้เขายังสามารถออกกำลังกายได้วันละ 30 นาที ส่วนอาหารที่ได้จะเป็นอาหารพื้นฐานราคามื้อละ 1,443 วอน (ราว 45 บาท) ซึ่งประกอบไปด้วยข้าวเปล่าและเครื่องเคียงธรรมดา ถ้าต้องการกับข้าวเพิ่มเติม ต้องจ่ายเงินซื้อ
"ผู้ต้องขังสามารถขอแว่นตาและขอหนังสือไปอ่านได้ ส่วนข้าวของเครื่องใช้ตามความจำเป็นอื่น ๆ เช่น มีดโกน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผ้าขนหนู ก็สามารถซื้อได้ภายในศูนย์" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งภายในศูนย์ควบคุมตัว กล่าว
สำหรับประวัติส่วนตัวของนายอีแจยงนั้น เขาเป็นลูกชายคนโตของนายอีกุนฮี ประธานกลุ่มซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ซึ่งเป็นบริษัทที่ทรงอิทธิพลและร่ำรวยที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ นายอีแจยงได้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานแบบเต็มตัวหลังจากนายอีซุนกันผู้เป็นบิดาล้มป่วยหนัก ไม่สามารถบริหารงานได้ นายอีเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่งแต่หย่าร้างหลังจากนั้น และมีบุตร 2 คน
ทั้งนี้นายอีแจยงยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ในขณะนี้อัยการกำลังทำเรื่องส่งฟ้อง โดยจะใช้เวลาราว 10 วัน จึงจะสามารถดำเนินการขั้นต่อไปได้