จากกรณีที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จุดพหลโยธิน เข้าแจ้งความว่าเกือบถูกชายวัยกลางคนพยายามทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธขวาน หลังจากมีปากเสียงกัน เนื่องจากคู่กรณีขับรถยนต์ขวางทาง ไม่ยอมหลบเลี่ยงให้รถกู้ภัยเร่งนำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาล แถมถือขวานลงมาขู่นั้น
สำหรับเรื่องราวทั้งหมด มีดังนี้
ตลอดทางหมอพยาบาลพยายามปั๊มหัวใจพ่อตลอด ระหว่างขับในหมู่บ้านเจ้าหน้าที่ไม่เปิดไซเรน เพราะกลัวเสียงจะไปรบกวนคนอื่น แต่พอออกนอกหมู่บ้าน คนขับรีบเปิดไซเรนและสื่อสารวิทยุกับป้อมตำรวจที่ควบคุมสัญญาณจราจรให้เปิดไฟเขียวให้ ระหว่างทางพ่อไม่หายใจแล้ว หมอก็ยังพยายามปั๊มต่อไป ข้างหน้ามีรถติด หลาย ๆ คันหลบให้ และหลาย ๆ คันไม่หลบให้ แม่ของเธอที่นั่งไปในรถฉุกเฉินเอามือขึ้นภาวนาขอให้รถไม่ติด คนขับมือหนึ่งถือวอสื่อสาร ประกาศออกลำโพงให้รถที่ไม่หลบช่วยหลบหน่อยอย่างสุภาพ มือหนึ่งขับรถ ตามองทาง หูฟังเสียงทีมงานข้างหลังเร่งให้ไปเร็วหน่อย คนไข้วิกฤตแล้ว มันเป็นอะไรที่บีบมาก ตำรวจที่ป้อมแต่ละสถานีวอถามตลอดว่า ถึงไหนแล้ว จะเปิดไฟเขียวให้ แม่มองไปที่ป้อมที่คุมไฟป้อมหนึ่ง มีตำรวจออกมาโบก และยืนและทำท่าวันทยหัตถ์ให้ แม่ยิ่งร้องไห้ไปใหญ่
ส่วนตัวของเธอนั้นก็ให้น้องขับรถตามรถพยาบาลไปก่อน เพราะต้องเตรียมเอกสารและดูแลลูกจะขับรถตามไปทีหลัง ซึ่งน้องเล่าว่า ขับรถตามไปติด ๆ เปิดไฟฉุกเฉินด้วย แต่ก็มีหลายคันที่พยายามเข้ามาแทรกแล้วบังไม่ให้ตามไป เพราะคิดว่าลักไก่จะฝ่าดงรถติดโดยการตามรถฉุกเฉินหน้าด้าน ๆ มีมอเตอร์ไซค์ รถเก๋งพยายามกัน น้องสาวบอกว่าไม่ได้โกรธนะ เพราะเข้าใจว่าพวกเขาทำไปเพราะอะไร ตอนนั้นน้องอยากไปอยู่กับพ่อให้เร็วกว่านี้ 30 นาที ในรถที่ติดมันคือนรกจริง ๆ
ทั้งนี้ผู้โพสต์ยังทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า คุณจะเห็นว่าความลำบาก ความเป็นความตายของคนอื่นเป็นเรื่องที่เราไม่จำเป็นต้องไปสนใจหรือ ถ้าวันหนึ่งเจอสถานการณ์แบบนี้ จะทำแบบที่เคยทำนี้อีกไหม ถ้าคนในรถฉุกเฉินเสียชีวิตเพียงเพราะคุณไม่พอใจที่เขาต้องรีบไป จะยังมีความสุขแบบใช่หรือไม่ ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมันยากเกินไปเหรอหลบให้รถฉุกเฉินทุกชนิดเถิด เพราะคุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยชีวิตคนได้ อย่าเอาทิฐิตัวเองเป็นที่ตั้ง ยอมสละความสบายส่วนตัวเพื่อคนอื่นเขากำลังจะตาย หรือกำลังเดือดร้อนด้วย
ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Sudpratthana Buasai