นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กสั่งเข้ม เอาผิดคนปล่อยข่าวปลอม Fake News ช่วงโควิดระบาด โดยเฉพาะตัวการใหญ่ทั้งสื่อ คนดัง เพจ ไม่ใช่แค่จับชาวบ้านทั่วไป
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 มีรายงานว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha แจ้งเกี่ยวกับประเด็นสำคัญหลังประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีเนื้อหาตอนหนึ่งกล่าวถึงประเด็นการจัดการเรื่องข่าวปลอม ระบุว่า
ขณะที่เรากำลังเผชิญกับปัญหาโควิด 19 และหน่วยงานรัฐกำลังแก้ไขสถานการณ์กันอย่างเต็มที่ แต่เรากลับต้องเผชิญกับปัญหาข่าวปลอม ที่กำลังกลายเป็นปัญหาสำคัญ ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายในสังคมเป็นอย่างมาก มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือการจงใจตัดต่อบิดเบือนคำพูด เพื่อสร้างความเข้าใจผิดเป็นจำนวนมากทั้งจากสื่อมวลชน ผู้มีชื่อเสียง และผู้ใช้สื่อทั่วไป ทั้งที่ในขณะนี้ประเทศไทยอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ทั้งนี้ อยากเรียนให้ทราบว่าตนได้ให้ความสำคัญกับการจัดการข่าวปลอมที่ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างยิ่ง และได้สั่งการโดยตรงให้แต่ละกระทรวง ดำเนินการแก้ปัญหาข่าวปลอมอย่างจริงจังและรวดเร็ว ดังนี้
1. ขอให้แต่ละกระทรวง จัดตั้งฝ่ายที่รับผิดชอบในการตรวจสอบและแก้ไขข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับแต่ละกระทรวงทันที และให้เป็นตัวแทนหน่วยงานแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดด้วย
2. ศูนย์ข่าวปลอมของกระทรวงจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง และประกาศลงสื่อของกระทรวง รวมถึงหน่วยงานภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากได้รับแจ้งจากประชาชน หรือหน่วยงานรัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และส่งข้อมูลหรือประกาศชี้แจงแก้ไขข่าวปลอมให้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม, กสทช. ทันทีที่ลงสื่อของกระทรวงด้วย
3. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปอท. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ศปก.ศบค. ร่วมปรึกษาหารือกันอย่างเร่งด่วน ในการนำเอาข้อกำหนดข้อที่ 11 จากประกาศฉบับที่ 27 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่าด้วยเรื่องการห้ามบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร มาเป็นแนวปฏิบัติของมาตรการที่ชัดเจน
4. ให้กรมประชาสัมพันธ์ โฆษกทุกกระทรวง กสทช. สื่อสารให้ทุกหน่วยงานและประชาชนได้รับทราบถึงมาตรการนี้อย่างทั่วถึง
5. ให้กระทรวง DES, ปอท. สตช. ดำเนินการในแนวปฏิบัติจากมาตรการนี้อย่างจริงจังและรวดเร็ว ชัดเจน โปร่งใส เป็นธรรม ดำเนินคดีกับคนผิดได้จริง ๆ โดยเฉพาะผู้ปล่อยรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน คนดัง หรือเพจต่าง ๆ ไม่ใช่จับแค่ชาวบ้านทั่วไปเท่านั้น
จากข้อสั่งการดังกล่าว นายกฯ ย้ำว่า จะติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด ให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด รวมถึงขอให้รายงานความคืบหน้ากับตนก่อนการประชุม ครม. ครั้งหน้า และรายงานต่อเนื่องก่อนการประชุม ครม. ทุกครั้ง
สำหรับรายละเอียดข้อกำหนด ตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) ข้อ 11 ระบุว่า การเสนอข่าวหรือการทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั่วราชอาณาจักรนั้น เป็นความผิดตามมาตรา 9 (3) แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
โดยระบุโทษคนฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
