สาวช็อก จู่ ๆ ถูกไล่ออก หลังผลตรวจ DNA แฉความลับ CEO เป็นลูกลับ ๆ ของพ่อ เผยถูกพุ่งเป้าโจมตี หาเรื่องไล่ออก ถูกกลั่นแกล้งจนปวดตับ
วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 เว็บไซต์ indy100 รายงานว่า หญิงรายหนึ่งออกมาเล่าประสบการณ์ถูกไล่ออกจากงานแบบปวดตับ หลังผลการตรวจ DNA เผยความลับของเจ้านาย ว่ามีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเธอ เนื่องจากเขาเป็นลูกลับ ๆ อีกคนของพ่อ ซึ่งความจริงเรื่องนี้เพิ่งจะถูกเปิดเผยหลังพ่อซื้อชุดตรวจ DNA มาเป็นของขวัญให้เธอ
เอ (นามสมมติ) เผยผ่านเว็บไซต์ Reddit ว่า พ่อของเธอไม่ใช่คนประเภทที่จะซื้อชุดตรวจ DNA มาให้เพื่อบอกอ้อม ๆ ว่าเขามีลูกซุกอยู่อีกคน เธอไม่คิดว่าพ่อรู้เรื่องลูกลับ ๆ มาก่อน และสิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้ทุกคนช็อกกันไปหมด
สำหรับเจ้านายคนนี้เป็นคนจากรัฐเทกซัส สหรัฐฯ และพ่อของเธอก็เคยใช้ชีวิตอยู่ที่รัฐนั้นมาเป็นสิบปี ก่อนจะมาแต่งงานกับแม่ของเธอ
"ประมาณ 1 สัปดาห์หลังทราบผล ก็มีอีเมลจากหัวหน้า HR แจ้งว่าพนักงานทุกคนจะต้องเข้ารับการอบรมเรื่องการเห็นแก่ญาติกันอีกครั้ง ซึ่งระบุไว้ว่าพนักงานไม่มีสิทธิได้รับสิทธิพิเศษเป็นการส่วนตัว จากความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมหรือการสมรสกับผู้บริการ หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ไม่ว่าจะที่รู้แล้ว ยังไม่รู้ หรือเพิ่งค้นพบระหว่างการจ้างงาน" เอ ระบุ
อย่างไรก็ตาม เธอทราบมาว่าไม่มีคนจากแผนกอื่นถูกขอให้เข้ารับการอบรมเรื่องนี้ เธอจึงเชื่อว่ามันพุ่งเป้ามาที่เธอโดยเฉพาะ แถมจากนั้นผู้จัดการยังเรียกเธอไปพบเป็นการส่วนตัว เพื่อถามว่าเธอมีคำถามใด ๆ เกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวไหม ในตอนนั้นเธอบอกว่า "ฉันอยากรู้ว่าทำไมไม่มีคนอื่นถูกเรียกคุยตัวต่อตัว เกี่ยวกับนโยบายนี้เลย และทำไมไม่มีคนแผนกอื่นที่ต้องอบรมเรื่องนี้" แต่ผู้จัดการก็เมินคำถามของเธอไป บอกว่าตัวเองแค่ทำตามคำสั่ง มันทำให้เธอมั่นใจว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าถูกโจมตี
จากนั้นข้อมูลที่เอเซฟไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทก็ถูกลบอีกครั้งภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง รวมถึงข้อมูลการติดต่อลูกค้า หรือแม้แต่สมาชิกในทีม ณ จุดนี้เธอมั่นใจว่ามีคนพยายามหาเรื่องไล่เธอออก
ต่อมาอยู่ ๆ HR ก็เรียกเธอไปพบ แต่ผู้จัดการก็เข้ามาช่วยปกป้องเธอ เคธี่ยังแจ้งเรื่องไปถึงฝ่ายบริหาร สรุปข้อมูลแสดงความกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมของ CEO และ HR เกี่ยวกับผลการตรวจ DNA และเรื่องที่เคธี่เชื่อว่ามีใครสักคนพยายามเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของลูกน้องสาวเพื่อลบข้อมูล
ในที่สุดเรื่องก็ทราบไปถึงรองประธานบริษัท เขาตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และได้ยืนยันกับเอว่าเขารู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมขอโทษเอ เรื่องที่มีคนพยายามเจาะคอมพิวเตอร์ของเธอจากทางไกลเพื่อลบข้อมูลด้วย
แต่กลายเป็นว่าในเช้าวันต่อมา เธอกลับถูกไล่ออกทันทีที่เข้าไปทำงานในบริษัท โดยขณะที่เธอเดินผ่านล็อบบี้ของสำนักงาน อยู่ HR ก็โผล่เข้ามาตะโกนว่าเธอถูกไล่ออก ต่อหน้าลูกค้าและเพื่อนร่วมงานอีก 20 คน แถมยังให้ รปภ. มาคุมตัวเธอออกไปต่อหน้าทุกคน มันน่าขายหน้าอย่างที่สุด
เคธี่เข้ามาช่วยเธอไว้อีกครั้ง และติดต่อไปอธิบายสถานการณ์ให้รองประธานบริษัทฟัง ซึ่งเขาตัดสินใจสั่งพักงานทั้ง เอ และ CEO เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อรอผลการสอบสวน
สุดท้ายแล้วเมื่อพ้นช่วงเวลาพักงาน CEO รายนั้นก็ไม่ได้กลับมาทำงานอีก ขณะที่ตัวหญิงสาว แม้จะได้รับการเสนอให้กลับมาทำงานและมีคำขอโทษให้ แต่เธอก็เลือกจะไม่กลับไปแล้ว และขอผันตัวมาเป็นฟรีแลนซ์เพื่อพักกายพักใจจากงานอันวุ่นวาย ซึ่งทางผู้บริหารก็เข้าใจและจ่ายเงินชดเชยให้เธอจำนวนมาก
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก indy100