พบพระพุทธรูป 300 ปีแตกร้าว พบโกลนพระ พระพุทธรูปซ้อนอยู่ด้านในอีกองค์ เป็นฝีมือช่างโบราณตั้งแต่สมัยอยุธยา ข้างในกับข้างนอกเหมือนกัน ต่างกันที่รายละเอียดเล็กน้อย
วันที่ 8 สิงหาคม 2567 เฟซบุ๊ก สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร รายงานว่า ที่วัดโคกขาม ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีพระพุทธรูปแตกร้าว 3 องค์ ได้แก่ พระประธาน 1 องค์ และพระพุทธรูปรอบ ๆ พระประธาน 2 องค์ ซึ่งชาวบ้านต่างเรียกพระพุทธรูปเหล่านี้ว่า 8 อรหันต์
ขณะที่ชิ้นส่วนที่แตกร้าวก็ตกไปอยู่ที่ฐานพระ ไม่มีใครหยิบจับเคลื่อนย้าย ส่วนด้านในองค์พระ 2 องค์ที่แตกร้าว พบว่าเหมือนมีพระพุทธรูปอีกองค์ซ้อนซ่อนด้านในคล้ายศิลาแลง เห็นเศียรพระพุทธรูปอย่างชัดเจน
พระลูกวัดและศิษยานุศิษย์ กล่าวว่า พระพุทธรูปร้าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา และพอสังเกตด้านในก็พบว่า มีพระพุทธรูปอีกองค์ ดังนั้นจึงแจ้งไปยังกรมศิลปากรเนื่องจากโบสถ์เก่า หรือวิหาร แห่งนี้มีอายุกว่า 300 ปี และขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของกรมศิลปากร อยู่ในความรับผิดชอบดูแลของสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี
เบื้องต้น ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การสร้างพระลักษณะนี้ มักจะพบในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา เรียกว่าการโกลนพระ พระที่อยู่ด้านในก็จะมีลักษณะใบหน้า รูปร่าง เหมือนกับองค์ที่เห็นด้านนอกทุกอย่าง เพียงแต่ความคมชัดจะต่างกัน ด้านในจะชัดกว่าด้านนอก หลังจากนี้จะเข้ามาสำรวจและซ่อมแซมต่อไป
พระพุทธรูปที่อยู่รอบพระประธานในโบสถ์ (วิหาร) แห่งนี้ ล้วนแต่เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่อยู่คู่กับโบสถ์มานานกว่า 300 ปี ส่วนใหญ่มีรอยแตกร้าวตามเวลา ดังนั้นจึงมีการตั้งรั้วกั้น ป้องกันคนไปดูองค์พระแบบใกล้ ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิม และของดเว้นการปิดทอง การถวายดอกไม้พวงมาลัยที่องค์พระ
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร
วันที่ 8 สิงหาคม 2567 เฟซบุ๊ก สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร รายงานว่า ที่วัดโคกขาม ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีพระพุทธรูปแตกร้าว 3 องค์ ได้แก่ พระประธาน 1 องค์ และพระพุทธรูปรอบ ๆ พระประธาน 2 องค์ ซึ่งชาวบ้านต่างเรียกพระพุทธรูปเหล่านี้ว่า 8 อรหันต์
ขณะที่ชิ้นส่วนที่แตกร้าวก็ตกไปอยู่ที่ฐานพระ ไม่มีใครหยิบจับเคลื่อนย้าย ส่วนด้านในองค์พระ 2 องค์ที่แตกร้าว พบว่าเหมือนมีพระพุทธรูปอีกองค์ซ้อนซ่อนด้านในคล้ายศิลาแลง เห็นเศียรพระพุทธรูปอย่างชัดเจน
พระลูกวัดและศิษยานุศิษย์ กล่าวว่า พระพุทธรูปร้าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา และพอสังเกตด้านในก็พบว่า มีพระพุทธรูปอีกองค์ ดังนั้นจึงแจ้งไปยังกรมศิลปากรเนื่องจากโบสถ์เก่า หรือวิหาร แห่งนี้มีอายุกว่า 300 ปี และขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของกรมศิลปากร อยู่ในความรับผิดชอบดูแลของสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี
เบื้องต้น ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การสร้างพระลักษณะนี้ มักจะพบในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา เรียกว่าการโกลนพระ พระที่อยู่ด้านในก็จะมีลักษณะใบหน้า รูปร่าง เหมือนกับองค์ที่เห็นด้านนอกทุกอย่าง เพียงแต่ความคมชัดจะต่างกัน ด้านในจะชัดกว่าด้านนอก หลังจากนี้จะเข้ามาสำรวจและซ่อมแซมต่อไป
พระพุทธรูปที่อยู่รอบพระประธานในโบสถ์ (วิหาร) แห่งนี้ ล้วนแต่เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่อยู่คู่กับโบสถ์มานานกว่า 300 ปี ส่วนใหญ่มีรอยแตกร้าวตามเวลา ดังนั้นจึงมีการตั้งรั้วกั้น ป้องกันคนไปดูองค์พระแบบใกล้ ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิม และของดเว้นการปิดทอง การถวายดอกไม้พวงมาลัยที่องค์พระ
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร
