x close

ปตท.ยันตรึง NGV ได้แค่สิ้นปีนี้เท่านั้น

NGV

 

          เมื่อวานนี้ (26 มิถุนายน) นายปุณณชัย ฟูตระกูล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ กลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ต้นทุนการผลิตก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี ทั้งการขยายสถานีบริการ การวางระบบท่อส่งก๊าซ จะสูงมาก แต่ ปตท. ยืนยันจะยังคงตรึงราคาก๊าซเอ็นจีวีในราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ไปจนถึงสิ้นปีนี้ จากนั้นในปี 2552 จึงจะขยับขึ้นเป็น 12 บาทต่อกิโลกรัม และในปี 2553 ปรับขึ้นมาเป็น 13 บาทต่อกิโลกรัม โดย ปตท.จะช่วยรับภาระไว้ประมาณกิโลกรัมละ 2 บาท 

          นายปุณณชัยกล่าวว่า ส่วนในระยะยาว จะกำหนดราคาจำหน่ายก๊าซให้ไม่เกินร้อยละ 50 ของราคาน้ำมันดีเซลในอนาคต ปัจจุบันต้องยอมรับว่า การจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวียังมีปัญหาปริมาณไม่เพียงพอ เพราะมีผู้สนใจติดตั้งถังแก๊สเอ็นจีวีเป็นจำนวนมาก ทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้นจากต้นปี 2551 ซึ่งอยู่ที่ 1,000 ตันต่อวัน เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เป็นประมาณ 1,900 ตันต่อวัน แต่ในเดือนกรกฎาคมได้เร่งขยายสถานีบริการ การวางระบบท่อส่งก๊าซ และนำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศเข้ามา เชื่อว่าจะทำให้ปัญหาต่างๆ คลี่คลายมากขึ้น

          สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีตซื้อขายในตลาดนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนตามเวลาท้องถิ่น ปรับลดลง 2.45 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 134.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า ระดับน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 8 แสนบาร์เรล หลังจากลดลงต่อเนื่อง 5 สัปดาห์ ตรงกันข้ามกับการประเมินของนักเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สะท้อนให้เห็นว่าราคาน้ำมันแพงทำให้คนอเมริกันใช้น้ำมันน้อยลง

          ส่วนการซื้อขายในตลาดเอเชียวันที่ 26 มิถุนายน ราคาน้ำมันลดลงเล็กน้อย 49 เซนต์ อยู่ที่ 134.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาน้ำมันจะยังคงเป็นขาขึ้น เนื่องจากตลาดยังกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่ออกมาป้อนตลาดโลก

          อย่างไรก็ตาม ในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอนในเวลาต่อมา ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีต ปรับเพิ่มขึ้น 44 เซนต์ ไปอยู่ที่ 134.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากนายชาคิบ เคลิล ประธานโอเปค ออกมาระบุว่า ราคาน้ำมันอาจถึง 150-170 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงฤดูร้อนของประเทศในซีกโลกเหนือ เพราะจะเป็นช่วงที่มีการใช้น้ำมันเบนซินมากโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา จากนั้นราคาจะลดลงเล็กน้อยในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าราคาจะถึง 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          เอพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมคือ 2% ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดหมายก่อนหน้านี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือนที่เฟดไม่ลดดอกเบี้ย ทั้งนี้ นายเบน เบอร์นันกี้ ประธานเฟด ระบุเหตุผลในแถลงการณ์ว่า เหตุที่ตรึงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้เนื่องจากยังมีปัจจัยคุกคามต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เฟดชี้ว่าสำหรับแรงกดดันต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นถือว่าลดน้อยลง

          นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ ระบุว่า จากถ้อยแถลงของเฟด ชี้ให้เห็นว่า เฟดต้องการส่งสัญญาณว่า จะไม่มีการลดดอกเบี้ยอีก เพราะเป็นห่วงปัญหาเงินเฟ้อ และการเคลื่อนไหวของเฟดครั้งต่อไปจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะขึ้นดอกเบี้ย เพราะเกรงจะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ เชื่อว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิมไปอย่างน้อยก็จนถึงเดือนธันวาคม นับจากเดือนกันยายนปีที่แล้ว หลังจากเกิดวิกฤตสินเชื่อบ้านที่ปล่อยกู้แก่ผู้มีเครดิตต่ำกว่ามาตรฐาน (ซับไพรม์) เฟดได้ปรับลดดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องรวม 3.25% จนเหลือ 2% ในปัจจุบัน

 

 

ข้อมูลจาก

ภาพประกอบจาก siamturakij.com

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ปตท.ยันตรึง NGV ได้แค่สิ้นปีนี้เท่านั้น อัปเดตล่าสุด 27 มิถุนายน 2551 เวลา 17:55:25 20,660 อ่าน
TOP