วันนี้ (5 สิงหาคม) นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงภายหลังการประชุมคณะตุลาการ ว่า ที่ประชุมคณะตุลาการได้มีการพิจารณากรณีศาลฎีกาส่งคำโต้แย้งของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ในกรณีที่ดินรัชดาฯ ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 211 ว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่า การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 ,100 ,122 ขัดหรือแย้งกับมาตรา 29 , 50 ของรัฐธรรมนูญ 40 หรือไม่ และขัดหรือแย้งกับมาตรา 3 ,38 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2549 และขัดหรือแย้งกับมาตรา 26 , 27 , 28 , 29 , 39และ 43 ของรัฐธรรมนูญ 50 หรือไม่
ซึ่งที่ประชุมศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ ว่า มาตรา 4 ,100 ,122 ของพ.ร.บ.ป.ป.ช. ไม่ขัดหรือแย้งต่อมาตรา 26 , 27 , 28 , 29 , 39 และ 43 ของรัฐธรรมนูญ 50
นายไพบูลย์ กล่าวถึงเหตุผลว่า เนื่องจากบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ป.ป.ช.ทั้ง 3 มาตรา มีเนื้อหาสอดคล้องกับหลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง รวมทั้งยังบัญญัติทางแก้ไขเพื่อความเป็นธรรมไว้ด้วยว่า หากเจ้าหน้าที่รัฐผู้ใดพิสูจน์ได้ว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็นยินยอมด้วยในการกระทำของคู่สมรสให้ถือผู้นั้นไม่มีความผิด
บทบัญญัติดังกล่าวนั้นถือว่า มีขอบเขตที่พอเหมาะพอควร สมเหตุสมผล ไม่เป็นการล่วงละเมิดต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จำกัดสิทธิเสรีภาพเกินจำเป็นแต่อย่างใด ส่วนที่คู่กรณีโต้แย้งมาตราอื่นว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 40 และรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 49 นั้น ตุลาการเห็นว่ารัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับได้เลิกใช้ไปแล้ว ประกอบกับบทบัญญัติที่โต้แย้งก็คือบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 50 จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก upload.wikimedia.org